หน้าหลัก ข่าวสารองค์กร
กระทรวงแรงงาน ขอแจ้งนายจ้างและแรงงานเมียนมาทั่วประเทศ
กระทรวงแรงงาน ขอแจ้งนายจ้างและแรงงานเมียนมาทั่วประเทศ แรงงานเมียนมาที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 รัฐบาลมีมติผ่อนผันให้อยู่และทำงานต่อได้อีก 6 เดือน แต่ต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนและต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้เรียบร้อย ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 นี้ - หากคุณเป็นแรงงานเมียนมาที่ใบอนุญาตหมดอายุ - หรือเป็นนายจ้างที่มีลูกจ้างเมียนมาใบอนุญาตหมดอายุ หากมีปัญหาหรือมีข้อสงสัยดังกล่าวเพิ่มเติม สามารถพิมพ์ความคิดเห็นไว้ใต้โพสต์นี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อและให้คำแนะนำได้ กระทรวงแรงงาน พร้อมช่วยเหลือและดูแลแรงงานทุกกลุ่ม ให้ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1506
“พงศ์กวิน” ปลื้ม ไทยเจ้าภาพ ASEAN OSHNET ดันมาตรฐานความปลอดภัยแรงงาน ลดเสี่ยง เพิ่มคุณภาพชีวิตคนทำงาน
“พงศ์กวิน” ปลื้ม ไทยเจ้าภาพ ASEAN-OSHNET ดันมาตรฐานความปลอดภัยแรงงาน ลดเสี่ยง เพิ่มคุณภาพชีวิตคนทำงาน . วันที่ 3 กันยายน 2568 – ūนายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน ครั้งที่ 6 และเปิดการประชุมวิชาการเครือข่ายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน ครั้งที่ 12 โดยประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยมี เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวรายงาน นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดร.นันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการ สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (สสปท.) และ นางสาวกาญจนา พูลแก้ว ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมด้วย ณ โรงแรม อมารี กรุงเทพฯ . นายพงศ์กวิน กล่าวว่า ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ในปีนี้ ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเครือข่ายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน และยังตรงกับวาระครบรอบ 25 ปีของการก่อตั้งเครือข่ายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน (ASEAN-OSHNET) ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมาตรฐานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในภูมิภาคอาเซียน แม้โลกการทำงานจะเผชิญการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และความเสี่ยงใหม่ ๆ แต่ความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้แรงงานทุกกลุ่มมีความปลอดภัยในการทำงาน . “ความท้าทายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูล การพัฒนามาตรฐานร่วมกัน รวมถึงการส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรม . ด้านความปลอดภัยฯ คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้อาเซียนเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายพงศ์กวิน กล่าว . รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยังกล่าวถึงนโยบายด้านความปลอดภัยฯ ของกระทรวงแรงงานว่า เรามุ่งมั่น ที่จะยกระดับความปลอดภัยของแรงงานทุกกลุ่ม โดยเน้น 3 เรื่องสำคัญ คือ การป้องกันอุบัติเหตุและโรคจากการทำงาน การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยจัดการความเสี่ยง และการดูแลสุขภาพแรงงานอย่างรอบด้าน สำหรับพิธีมอบรางวัล ASEAN-OSHNET Awards ถือเป็นแรงกระตุ้นให้ภาคธุรกิจในภูมิภาคหันมา ให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสะท้อนประโยชน์โดยตรงสู่แรงงาน ผมขอแสดงความยินดีกับสถานประกอบกิจการที่ได้รับรางวัล และขอบคุณผู้แทนประเทศสมาชิก องค์กรภาครัฐ เอกชน และภาคีเครือข่ายที่ร่วมสนับสนุนให้ ASEAN-OSHNET เติบโตต่อเนื่อง พร้อมแสดงความมั่นใจว่าการประชุมครั้งนี้จะก่อให้เกิดข้อเสนอเชิงปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย และส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงานอาเซียนให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต . “ผมขอเน้นย้ำว่า ความปลอดภัยไม่ใช่ต้นทุน แต่เป็นการลงทุน ยิ่งเราดูแลแรงงานได้ดี ธุรกิจก็ยิ่งแข็งแรง ประเทศก็ยิ่งก้าวหน้า จึงอยากฝากให้สถานประกอบกิจการทุกแห่ง เห็นความสำคัญของการป้องกันอุบัติเหตุและโรคจากการทำงาน สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังทำให้แรงงานทำงานได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายพงศ์กวิน กล่าวทิ้งท้าย
ครม.เห็นชอบแรงงานต่างด้าวผู้หนีภัยสู้รบใน 4 จังหวัด อนุญาตทำงานได้ไม่เกิน 1 ปี
ครม.เห็นชอบแรงงานต่างด้าวผู้หนีภัยสู้รบใน 4 จังหวัด อนุญาตทำงานได้ไม่เกิน 1 ปี . รมว.แรงงาน เผย ครม.เห็นชอบผ่อนผันแรงงานต่างด้าวผู้หนีภัยสู้รบจากเมียนมา ในพื้นที่พักพิง 4 จังหวัด อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำงานได้ไม่เกิน 1 ปี . นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ที่พำนักอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ . โดยผ่อนผันให้คนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราว สำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาทั้ง 9 แห่งใน 4 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี และราชบุรี ซึ่งกรมการปกครองได้จัดทำทะเบียนเรียบร้อยแล้ว โดยได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำงานได้ไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่มีคำสั่งอนุญาต . นายพงศ์กวินกล่าวเพิ่มเติมว่า คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมายจะต้องขออนุญาตออกนอกเขตพื้นที่ควบคุม และยื่นคำขออนุญาตทำงาน ซึ่งคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตสามารถทำงานกับนายจ้างได้ทุกประเภทที่ไม่มีประกาศห้ามคนต่างด้าวทำ และมีสิทธิทำงานกรรมกรและงานขายของหน้าร้านกับนายจ้างตามประกาศกรมการจัดหางานว่าด้วยเงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทำงาน ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า คนต่างด้าวที่ประสงค์จะทำงานต้องยื่นคำขออนุญาตออกนอกพื้นที่ควบคุม และยื่นคำขออนุญาตทำงานพร้อมเอกสารและหลักฐานที่กำหนดตามแบบคำขอ อาทิ หลักฐานการทำประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวกับกระทรวงสาธารณสุข และต้องชำระค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ในการขออนุญาตทำงานครั้งแรก จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับแรงงาน . ทั้งนี้ ครม.ให้ความเห็นชอบในหลักการร่างประกาศของกระทรวงแรงงาน จำนวน 1 ฉบับ และร่างประกาศของกระทรวงมหาดไทย จำนวน 1 ฉบับ โดยการดำเนินการตามมาตรการนี้จะสามารถดำเนินการได้หลังจากประกาศทั้งสองฉบับมีผลบังคับใช้แล้ว หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694
“พงศ์กวิน” สั่งลุยตรวจแรงงานจีนและเมียนมาผิดกฎหมายหลังได้รับรายงาน เร่งตั้งคณะกรรมการคุมเข้ม
“พงศ์กวิน” สั่งลุยตรวจแรงงานจีนและเมียนมาผิดกฎหมายหลังได้รับรายงาน เร่งตั้งคณะกรรมการคุมเข้ม . นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังได้รับรายงานด่วน จากหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดชลบุรีว่ามีแรงงานต่างด้าวลักลอบทำงานในโรงงานผลิตชิ้นส่วนขึ้นรูปพลาสติก ตำบลหนองบอนแดง อำเภอบ้านบึง โดยเฉพาะแรงงานสัญชาติจีนและเมียนมาจำนวนมากที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานไม่ตรงตามที่ได้รับอนุญาต ได้สั่งการตรงถึงอธิบดีกรมการจัดหางานให้ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ทันที และกำชับให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด . นอกจากนี้ ยังสั่งการเร่งตั้ง “คณะกรรมการตรวจสอบการจ้าง สภาพการจ้าง การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานผิดกฎหมาย” เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวดครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย เป้าหมายคือป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานผิดกฎหมายให้สิ้นซาก . ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ภายใต้คำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชุดปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานจังหวัดชลบุรี ได้แก่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดชลบุรี สำนักงานแรงงานจังหวัดชลบุรี สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จังหวัดชลบุรี กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และฝ่ายปกครองจังหวัดชลบุรี เข้าตรวจสอบโรงงานเป้าหมาย หลังรับข้อสั่งการเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และได้รับข้อมูลยืนยันว่ามีแรงงานต่างด้าวทำงานโดยผิดกฎหมาย . ผลการตรวจสอบ พบแรงงานต่างชาติรวม 32 คน แบ่งเป็นสัญชาติจีน 4 คน และเมียนมา 28 คน โดยมี 4 คนทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต และอีก 28 คนไม่แจ้งต่อนายทะเบียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลนายจ้างและลักษณะงานตามเวลาที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ยังพบนายจ้าง 1 ราย กระทำผิด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบ้านบึงดำเนินคดีทันที ตามกฎหมาย แรงงานต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตจะถูกปรับ 5,000–50,000 บาท ผลักดันออกนอกประเทศ และห้ามขอใบอนุญาตใหม่เป็นเวลา 2 ปี ส่วนสถานประกอบการที่รับแรงงานต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาต มีโทษปรับ 10,000–100,000 บาทต่อคน หากทำผิดซ้ำ อาจจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 50,000–200,000 บาทต่อคน และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นเวลา 3 ปี . นายพงศ์กวิน กล่าวว่า “จะไม่มีการปล่อยปละละเลยต่อแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หากฝ่าฝืนกฎหมายแรงงานไทย จะถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุด” กระทรวงแรงงานขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หรือมีเบาะแส ให้แจ้งได้ที่กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน โทร. 02-354-1729 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกแห่ง สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694
กรมการจัดหางาน ดีเดย์เปิดตัว “Outsourcing Service” ใบอนุญาตทำงานคนต่างด้าว โฉมใหม่! ยกระดับบริการสู่ดิจิทัล เตรียมพร้อมเปิดให้บริการ 1 กันยายนนี้ ทั่ว
กรมการจัดหางาน ดีเดย์เปิดตัว “Outsourcing Service” ใบอนุญาตทำงานคนต่างด้าว โฉมใหม่! ยกระดับบริการสู่ดิจิทัล เตรียมพร้อมเปิดให้บริการ 1 กันยายนนี้ ทั่วประเทศ . วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นประธานในพิธีแถลงข่าว เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการจ้างเหมาเอกชนผลิตใบอนุญาตทำงานและให้บริการรับคำขอและการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (Outsourcing Service) อย่างเป็นทางการ โดยมีนายจำนงค์ ทรงเคารพ ผู้ตรวจราชการกรม กรมการจัดหางาน กล่าวรายงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ผู้แทนจากภาคเอกชน และสื่อมวลชน ร่วมเป็นเกียรติ ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ห้องอัศวิน แกรนด์ บอลรูม B – C ชั้น 4 เพื่อมุ่งยกระดับการให้บริการด้านแรงงานต่างด้าวให้ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว และโปร่งใสมากยิ่งขึ้น . นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับตัวของภาครัฐ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของบริบทแรงงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้การบริการของรัฐสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว โปร่งใส ลดต้นทุน และลดภาระในการติดต่อราชการ จึงได้ริเริ่มโครงการ Outsourcing Service นี้ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการดำเนินภารกิจของกรมฯ ในส่วนที่สามารถถ่ายโอนการให้บริการได้อย่างเหมาะสม ภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่เข้มงวดของภาครัฐ โดยยังคงยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล และการคุ้มครองสิทธิของแรงงานทุกคน ซึ่งระบบได้เตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน ทั้งด้านกฎหมาย กระบวนงาน เทคโนโลยี และบุคลากร และพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กันยายน 2568 พร้อมกัน ทุกที่ ทุกเวลาทั่วประเทศ . นายสมชายฯ กล่าวถึงที่มาของโครงการว่า จากยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิทัล เพื่อให้ภาครัฐมีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ สามารถให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้สะดวก ประหยัด และมีคุณภาพ กรมการจัดหางานจึงได้จ้างเหมาภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการแทนในภารกิจหลัก ทั้งการรับคำขอ การแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว และผลิตใบอนุญาตทำงาน เพื่อยกระดับการบริการให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ สำหรับหัวใจสำคัญของโครงการนี้คือการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมีขั้นตอนการดำเนินงานที่ชัดเจน ได้แก่ เริ่มต้นจากการลงทะเบียนเข้าใช้งานระบบ และยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม หลังจากยื่นคำขอและชำระค่าธรรมเนียมการพิจารณา ผู้ใช้บริการสามารถรอการตรวจสอบเอกสารและติดตามสถานะได้ทันที เมื่อได้รับผลการอนุมัติ ก็สามารถชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และทำการนัดหมายออนไลน์เพื่อเลือกศูนย์บริการ วันและเวลาที่สะดวกในการเข้ารับบริการ จากนั้นเพียงเดินทางไปที่ศูนย์บริการใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวที่เลือกไว้ เพื่อรับใบอนุญาตทำงานที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองความถูกต้องด้วยเทคโนโลยีการพิสูจน์ตัวตน อาทิ ระบบลายนิ้วมือและการสแกนม่านตา เพื่อความปลอดภัยและแม่นยำของข้อมูล . เพื่อรองรับการให้บริการอย่างครอบคลุม กรมการจัดหางานกำหนดให้จัดตั้งศูนย์บริการใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 40 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 7 แห่ง และต่างจังหวัด 33 แห่ง รวมถึงหน่วยบริการใบอนุญาตทำงานแบบเคลื่อนที่อีก 8 หน่วย เพื่ออำนวยความสะดวกในทุกพื้นที่ ทำให้การบริการเข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น การดำเนินโครงการ Outsourcing Service นี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจของกรมการจัดหางานให้ตอบรับกับยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านแรงงานให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจ ลดภาระในการติดต่อราชการ พร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
“พงศ์กวิน” ผุดมาตรการเร่งด่วน สั่งการ กกจ. กพร. กสร. สปส. ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงชายแดนไทย – กัมพูชา
“พงศ์กวิน” ผุดมาตรการเร่งด่วน สั่งการ กกจ.-กพร.-กสร.-สปส. ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงชายแดนไทย – กัมพูชา . นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้ออกมาตรการดำเนินการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา โดยสั่งการให้ กรมการจัดหางาน (กกจ.) ,กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ,กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) และ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ดำเนินการช่วยเหลือทั้งในส่วนของลูกจ้างผู้ประกันตน นายจ้างสถานประกอบการ แรงงานต่างด้าว และประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ . โดยกรมการจัดหางาน ให้สนับสนุนพื้นที่จัดตั้งโรงครัวประกอบอาหารพร้อมกับประสานเคลื่อนย้ายแรงงานไทย หากประสงค์จะเดินทางไปทำงานนอกพื้นที่ รวมถึงอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศ ของแรงงานกัมพูชาและประสาน ช่วยเหลือให้มีที่พักพิงระหว่างรอการส่งกลับ รวมทั้งให้นายจ้างสถานประกอบการดูแลแรงงาน อย่างใกล้ชิด ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันในสถานประกอบการ และ ผ่อนผันให้แรงงาน ที่เข้ามาทำงานโดยใช้บัตรผ่านแดน (Border pass) ทั้งที่มีอายุหรือหมดอายุสามารถทำงานต่อไปได้ . อีกทั้งให้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดเตรียมสถานที่ของหน่วยงานในสังกัดเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวให้แก่ผู้อพยพ และสนับสนุนพื้นที่จัดตั้งโรงครัวเพื่อประกอบอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัย ส่วน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ดำเนินการด้านขอความร่วมมือนายจ้าง/สถานประกอบกิจการให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา หยุดงานโดยไม่ถือเป็นวันลาหรือความขัดต่อข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ดูแลลูกจ้าง และเฝ้าระวังการกระทบกระทั่งระหว่างลูกจ้างไทยและลูกจ้างกัมพูชา . นายพงศ์กวิน กล่าวต่อว่า พร้อมสั่งการให้ สำนักงานประกันสังคม แจ้งให้สถานพยาบาลในระบบประกันสังคมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้บริการแก่ผู้ประกันตนโดยไม่เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล และบันทึกการขอรับค่าบริการทางการแพทย์ผ่านระบบ MMS รวมทั้งเร่งรัดการวินิจฉัยการขอรับค่าบริการทางการแพทย์กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน 72 ชั่วโมงในระบบ MMS ในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้สถานพยาบาลโดยเร็ว . ทั้งนี้ ลูกจ้างผู้ประกันตน นายจ้างสถานประกอบการ แรงงานต่างด้าว และประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506
“พงศ์กวิน” นำประชุม คบต. เห็นชอบมาตรการดูแลแรงงานกัมพูชา ลดผลกระทบภาคธุรกิจ นายจ้างชายแดน
“พงศ์กวิน” นำประชุม คบต. เห็นชอบมาตรการดูแลแรงงานกัมพูชา ลดผลกระทบภาคธุรกิจ-นายจ้างชายแดน . นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินมาตรการผ่อนผันให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา สามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน วันนี้ (8 กรกฎาคม 2568) จึงได้จัดประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (คบต.) เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการในการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าวกลุ่มดังกล่าว . โดยที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาที่ถือบัตรผ่านแดน (Border Pass) ทั้งที่มีอายุหรือหมดอายุ ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในประเทศไทยตามมาตรา 64 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และการอนุญาตให้พำนักในเขตพื้นที่ชายแดนที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุด ดังนี้ 1. ผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการทำงาน ได้อีก 6 เดือน หรือจนกว่าด่านจะเปิด รวมทั้ง ยกเว้นโทษเปรียบเทียบปรับ สำหรับกรณีอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่กำหนด 2. ให้ยื่นคำขออนุญาตทำงาน พร้อมเอกสารหลักฐาน ตามแนวทางที่กรมการจัดหางานกำหนด โดยชำระค่ายื่นคำขอ 100 บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน 225 บาท ได้รับอนุญาตให้ทำงานครั้งละ 90 วัน กรณีการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด แต่ใบอนุญาตทำงานยังมีอายุ ให้ใบอนุญาตทำงานดังกล่าวใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุใบอนุญาตทำงาน 3. สามารถเปลี่ยนและเพิ่มนายจ้างได้ไม่เกิน 3 ราย ภายในจังหวัดที่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน 4. คนต่างด้าวต้อง รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทุก 30 วัน โดยรายงานตัวครั้งแรกภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 และ 5. เมื่อสถานการณ์ชายแดนกลับสู่ภาวะปกติ ให้คนต่างด้าว อยู่ต่อได้อีก 7 วัน เพื่อเตรียมตัวเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ทั้งนี้ แนวทางทั้ง 5 ข้อดังกล่าวนั้น มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.68 เป็นต้นไป . โดยการประชุมในครั้งนี้มีนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานภาคเอกชน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน . ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ภายหลังการประชุมครั้งนี้ กรมการจัดหางานจะเสนอผลการประชุมให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป โดยแรงงานต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวจะได้รับการผ่อนผัน เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ และประกาศกระทรวงมหาดไทย รวมถึงประกาศกระทรวงแรงงานมีผลบังคับใช้แล้วเท่านั้น ทั้งนี้ ขอให้นายจ้าง สถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาที่เข้าข่ายตามมาตรการผ่อนผัน ดำเนินการตามขั้นตอนให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดในพื้นที่ รวมถึงสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694
ตกงานอย่าตกใจ! ประกันสังคมเพิ่มประโยชน์ทดแทน กรณีว่างงาน (สำหรับกรณีเลิกจ้าง)
ตกงานอย่าตกใจ! ประกันสังคมเพิ่มประโยชน์ทดแทน กรณีว่างงาน (สำหรับกรณีเลิกจ้าง) . ตกงานอย่าตกใจ! ประกันสังคม เพิ่ม! ประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน (สำหรับกรณีเลิกจ้าง) - ใหม่ ร้อยละ 60 (เดิม ร้อยละ 50) ของค่าจ้างรายวัน โดยให้ได้รับครั้งละไม่เกิน 180 วัน ผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้สูงสุดไม่เกินเดือนละ 9,000 บาท จากเดิมสูงสุดเดือนละ 7,500 บาท โดยในระยะเวลา 180 วัน (6 เดือน) จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้สูงสุด 54,000 บาท จากเดิมที่จะได้รับสูงสุด 45,000 บาท สร้างหลักประกันให้กับผู้ประกันตนที่ถูกเลิกจ้างและสูญเสียรายได้ ผู้ประกันตนมีรายได้เพียงพอกับภาระค่าใช้จ่าย อ่านต่อได้ที่ https://shorturl.asia/mpSb5
กองทุนประกันสังคม สิทธิล้น ประโยชน์เยอะ ผู้ประกันตนสมัครไว้จะมีสิทธิประโยชน์และความคุ้มครอง อะไรบ้าง ผู้ประกันตนควรรู้ ไปดูกันเลย
กองทุนประกันสังคม สิทธิล้น ประโยชน์เยอะ ผู้ประกันตนสมัครไว้จะมีสิทธิประโยชน์และความคุ้มครอง อะไรบ้าง ผู้ประกันตนควรรู้ ไปดูกันเลย กองทุนประกันสังคม คือ กองทุนที่ให้หลักประกันแก่ผู้ที่ประกันตน โดยได้รับเงินสมทบจาก นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์และความคุ้มครอง ทั้ง 7 กรณี (สามารถใช้ได้ทุกครั้ง ที่ผู้ประกันตนเจ็บป่วย) สิทธิประโยชน์+ความคุ้มครองที่จะได้รับ 7 กรณี -กรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย -กรณีคลอดบุตร -กรณีทุพพลภาพ -กรณีตาย -กรณีสงเคราะห์บุตร -กรณีชราภาพ -กรณีว่างงาน หากผู้ประกันตนสมทบเงินเข้ากองทุนประกันสังคมครบทุกเดือน รับรองว่าผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์+คุ้มครอง จากกองทุนประกันสังคมที่คอยดูแลผู้ประกันตนอยู่เสมอ “ประกันสังคม คุ้มครองทุกวัย ใส่ใจทุกคน” สอบถามข้อมูลประกันสังคมได้ที่ www.sso.go.th หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง . สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับสุขภาพหรือข่าวสารต่างๆของโรงพยาบาลเออีซีได้ที่ เพจ Facebook โรงพยาบาลเออีซี
กรมการจัดหางานกวาดล้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ไลฟ์สดขายของกลางห้างดัง ย้ำ! วีซ่าท่องเที่ยวไม่ใช่ใบอนุญาตทำงาน ฝ่าฝืนมีโทษ – ถูกส่งกลับประเทศ
กรมการจัดหางานกวาดล้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ไลฟ์สดขายของกลางห้างดัง ย้ำ! วีซ่าท่องเที่ยวไม่ใช่ใบอนุญาตทำงาน ฝ่าฝืนมีโทษ – ถูกส่งกลับประเทศ . 12 มิถุนายน 2568 – กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เข้มตรวจสอบแรงงานต่างชาติทำงานผิดกฎหมาย สานต่อนโยบาย “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่เน้นคุ้มครองโอกาสแรงงานไทยและจัดระเบียบแรงงานต่างชาติอย่างจริงจัง ล่าสุดจับกุมแรงงานจีน 13 ราย ขณะไลฟ์สดขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าย่านรัชดา ทั้งที่ถือเพียงวีซ่าท่องเที่ยว และไม่มีใบอนุญาตทำงาน . นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า การตรวจสอบครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งพบว่ามีการจ้างแรงงานต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาตอย่างชัดเจน พร้อมตรวจยึดผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีฉลากภาษาไทยและไม่มีเครื่องหมาย อย. มาดำเนินการตามกฎหมาย . ผู้กระทำผิดประกอบด้วยนายจ้าง 1 ราย และแรงงานจีน 13 ราย (ชาย 7 คน หญิง 6 คน) ซึ่งถูกแจ้งข้อหาและนำตัวส่งดำเนินคดีแล้ว โดยแรงงานต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน และเดินทางเข้ามาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว หากทำงานในประเทศไทย ถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษปรับ 5,000–50,000 บาท และถูกส่งกลับประเทศทันที พร้อมถูกห้ามยื่นขอใบอนุญาตทำงานในไทยเป็นเวลา 2 ปี . “ด้านนายจ้าง หากจ้างแรงงานผิดกฎหมาย มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000–100,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำ อาจถูกจำคุก และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าว 3 ปี กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน จะไม่ละเลยต่อการลักลอบทำงานผิดกฎหมาย ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงของตลาดแรงงานไทย การเข้าทำงานของแรงงานต่างชาติในประเทศไทย ต้องได้รับใบอนุญาตถูกต้องเท่านั้น วีซ่าท่องเที่ยวไม่ได้หมายความว่าอนุญาตให้ทำงาน” นายสมชาย กล่าวปิดท้าย . กรมการจัดหางานขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หรือผู้ที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน โทร. 02 354 1729 หรือที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694
ประเทศไทย ไม่มีนโยบายผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศ
ประเทศไทย ไม่มีนโยบายผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศและยังคงยึดมั่นในการดำเนินการบนพื้นฐาน ของมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง ประกาศจาก ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก) . วันนี้ (21 มิ.ย.68) พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ด้านความมั่นคง กล่าวว่า ฝ่ายไทยมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาแรงงานและเกษตรกรผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งการจัดหางาน และตลาดผักผลไม้ทดแทน โดยความร่วมมือของกระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ และเอกชน . ด้าน มาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลไทยเชื่อมั่นว่ากลไกทวิภาคี และการเจรจาระหว่างสองฝ่าย เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหา โดยฝ่ายไทยยังคงพร้อมหารือด้วยความจริงใจและสุจริตใจ บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน . นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊กศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ได้เผยแพร่ประกาศภาษาไทยและภาษาเขมร ชี้แจงว่า ประเทศไทยไม่มีนโยบายผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศ และยังคงยึดมั่นในการดำเนินการบนพื้นฐานของมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง . ทั้งนี้ ปัจจุบันมีแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเกือบ 5 แสนคน เป็นแรงงานเก็บผลไม้ตามฤดูกาลเดินทางไป-กลับ ประมาณ 2 หมื่นคน ส่วนแรงงานกัมพูชาผิดกฎหมายคาดว่ามีประมาณ 1-2 หมื่นคน . ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงแรงงานยืนยันจะไม่มีการผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศ การสมัครใจเดินทางกลับเป็นสิทธิของแรงงาน ส่วนแรงงานกัมพูชาที่ประสงค์จะทำงานแต่พาสปอร์ตหมดอายุไม่สามารถไปทำพาสปอร์ตใหม่ ไม่ต้องกังวล กรมการจัดหางานจะต่ออายุฝ่ายเดียวให้อยู่ได้อีก 1 ปี จึงขอให้ผู้ประกอบการสบายใจ รวมถึงแรงงานกัมพูชาตามลักษณะ MOU ที่เพิ่งมีการต่ออายุไปยังสามารถทำงานได้ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2569 . แต่ต้องจับตา หลังคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 184 /2568 มอบหมายและมอบอำนาจให้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลกระทรวงแรงงาน เนื่องจากพิพัฒน์ รัชกิจประการ ลาออกจากตำแหน่ง . ขอขอบคุณข้อมูลจาก Thai PBS, ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก)
รัฐเร่งเปิดทางแรงงานเพื่อนบ้านอยู่ต่ออย่างถูกกฎหมาย ผนึกรัฐ เอกชนรักษาแรงงานคุณภาพในระบบ
รัฐเร่งเปิดทางแรงงานเพื่อนบ้านอยู่ต่ออย่างถูกกฎหมาย ผนึกรัฐ - เอกชนรักษาแรงงานคุณภาพในระบบ . เมื่อพูดถึง แรงงานข้ามชาติ ในสายตาคนบางกลุ่มอาจมีมมุมองและมีทัศนคติที่ต่างออกไป บ้างมองถึงการแข่งขันกับ แรงงานไทย บ้างก็มองถึงการเป็นภาระต่อสังคมและระบบสวัสดิการ แต่หากมองให้ลึกและรอบด้านจะพบว่าแรงงานข้ามชาติโดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวและเวียดนาม คือ "แรงงานคุณภาพ" ที่เข้ามาเติมเต็ม ตลาดแรงงานไทย ในหลายภาคส่วน ทั้งภาคการผลิต ธุรกิจบริการ ร้านค้าปลีก ไปจนถึงการดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในภาค SME ที่ต้องพึ่งพากำลังแรงงานเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง . แรงงานข้ามชาติกลุ่มนี้ ไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจฐานราก แต่ยังเป็นฟันเฟืองที่ช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว หากขาดแรงงานกลุ่มนี้เพียงชั่วขณะหนึ่ง ธุรกิจจำนวนไม่น้อยอาจหยุดชะงัก โดยเฉพาะจากสถานการณ์ใบอนุญาตทำงานจำนวนมากที่หมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หากไม่มีมาตรการรองรับทันเวลา ก็อาจนำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและการจ้างงานผิดกฎหมายในวงกว้าง . ในฐานะหน่วยงานหลักด้านแรงงานของประเทศ กระทรวงแรงงาน โดย กรมการจัดหางาน มีภารกิจสำคัญในการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้เข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งเพื่อรักษาเสถียรภาพแรงงานในประเทศ และป้องกันปัญหาการจ้างงานผิดกฎหมายที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว ที่แรงงานข้ามชาติยังคงมีบทบาทเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ดังนั้น การขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุกผ่านมาตรการผ่อนผันในครั้งนี้ จึงสะท้อนเจตนารมณ์ของภาครัฐในการสร้างสมดุลระหว่างการดูแลแรงงานกับการรักษาความแข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจในภาพรวม . นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลมองเห็นความสำคัญของกลุ่มแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศ CLMV คือ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในหลากหลายมิติ โดยต้องไม่ปล่อยให้แรงงานเหล่านี้หลุดจากระบบโดยไม่จำเป็น ซึ่งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ให้ผ่อนผันแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวและเวียดนาม ที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุ ได้อยู่และทำงานต่อในราชอาณาจักรไปจนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 นั้นไม่ใช่แค่เพื่อประโยชน์ของแรงงาน แต่เป็น "การรักษาเสถียรภาพแรงงานของทั้งระบบ" เพราะหากแรงงานเหล่านี้หลุดออกจากระบบ จะเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทั้งในมิติของนายจ้าง เศรษฐกิจฐานราก ไปจนถึงความมั่นคงของธุรกิจขนาดเล็ก . "กรมการจัดหางาน ขอความร่วมมือให้นายจ้างและผู้ประกอบการเร่งดำเนินการขออนุญาตต่ออายุทำงานแรงงานกลุ่มลาวและเวียดนามภายใน 13 พฤษภาคม 2568 นี้ พร้อมเน้นย้ำว่าอย่ามองว่าการดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวเป็นภาระ แต่คือโอกาสในการรักษาทั้งแรงงาน และเสถียรภาพของธุรกิจคุณให้ดำเนินการต่อไปได้แบบไม่สะดุด โดยหากนายจ้างและลูกจ้างยิ่งดำเนินการเร็ว แรงงานก็อยู่ในระบบเร็ว และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" นายสมชาย กล่าวทิ้งท้าย . สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัด ทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 - 10 สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือ สายด่วนกรมการจัดหางาน 1694 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
กรมการจัดหางานเดินหน้าตรวจเข้มแรงงานต่างชาติต่อเนื่อง ย้ำชัด! นายจ้างและแรงงานต่างชาติ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
กรมการจัดหางานเดินหน้าตรวจเข้มแรงงานต่างชาติต่อเนื่อง ย้ำชัด! นายจ้างและแรงงานต่างชาติ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด . นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานยังคงเดินหน้าบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบการทำงานของคนต่างชาติและสถานประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุม ดูแล และป้องกันการจ้างงานที่ผิดกฎหมาย พร้อมย้ำให้นายจ้างและแรงงานต่างด้าวปฏิบัติตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด . ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่จากกองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน ร่วมกับสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 7 สำนักงานเขตทวีวัฒนา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร และกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ลงพื้นที่ตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างชาติภายในตลาดนัด ย่านทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร จากการตรวจสอบร้านค้า 16 แห่งในพื้นที่ดังกล่าว พบแรงงานต่างชาติกระทำความผิดรวม 5 ราย ได้แก่ แรงงานชายสัญชาติเมียนมา 2 ราย ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน หญิง 3 ราย ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นอกจากนี้ ยังพบนายจ้างกระทำผิด 3 ราย เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลศาลาแดงเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย . นายสมชาย กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2568 ( 1 ตุลาคม 2567 – 13 พฤษภาคม 2568) มีการตรวจสอบนายจ้าง/สถานประกอบการแล้ว จำนวน 43,832 แห่ง ดำเนินคดี 1,442 แห่ง และตรวจสอบแรงงานต่างชาติ จำนวน 591,315 คน ดำเนินคดี 2,789 คน ในจำนวนนี้เป็นแรงงานข้ามชาติที่แย่งอาชีพคนไทย จำนวน 1,558 คน กรมการจัดหางานยืนยันว่าจะเดินหน้าตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเป็นธรรม ในระบบการจ้างงานของไทย และคุ้มครองสิทธิของแรงงานทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงานผิดกฎหมายได้ที่ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน อาคารกระทรวงแรงงาน ชั้น 4 โทร. 0 2354 1729 หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกแห่ง สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1–10 หรือผ่านสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน และสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694 ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
ย้ำอย่าตระหนก ผู้ป่วยโควิด 19 รายใหม่เริ่มลดลง
‘สมศักดิ์’ ย้ำอย่าตระหนก ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เริ่มลดลง . เรื่องแพทย์เตือนผู้ป่วยโควิด-19 กลับมาระบาดหนัก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 จนถึงปัจจุบัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมว่า ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ของไทยพุ่งแตะ 53,676 ราย เสียชีวิต 16 ราย โดยกรุงเทพฯ อยู่ที่ 16.7 ราย จำนวนผู้ป่วยเริ่มเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ 15 และสัปดาห์ที่ 18 ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม 2568 พบผู้ป่วยสะสม 14,349 ราย เสียชีวิต 2 ราย เป็นจำนวนผู้ป่วยสูงสุด โดยกรุงเทพฯ พบผู้ป่วย 4,624 ราย ชลบุรี พบผู้ป่วย 1,177 ราย กรุงเทพฯ พบผู้ป่วย 866 ราย และระยอง พบผู้ป่วย 553 ราย อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในสัปดาห์ที่ 4-10 พ.ค. 2568 ลดลงเหลือ 12,543 ราย แนวโน้มการติดเชื้อรายใหม่มีแนวโน้มลดลง จากข้อมูลการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา พบว่าประเทศไทยสามารถตรวจพบผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคมีสาเหตุมาจากปัจจัยตามฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน ซึ่งผู้ป่วยมักออกไปทำกิจกรรมหรือพบปะผู้คน หากป่วยหรือสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 ควรปฏิบัติดังนี้ 1. หากมีอาการน่าสงสัยหรือมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ มีเสมหะ ปวดศีรษะ หรืออ่อนเพลีย ให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อที่ ATK ทันที 2. หากผลการตรวจเป็นบวก ให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง หลีกเลี่ยงกิจกรรมร่วมกับครอบครัวและผู้อื่น และแยกสิ่งของส่วนตัว หากจำเป็นต้องออกจากที่อยู่อาศัย ให้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด ล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง 3. หากมีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง เช่น มีไข้ ไอ มีเสมหะ แต่ไม่รุนแรงมาก และไม่สามารถตรวจด้วย ATK ได้ ไม่ควรออกนอกบ้าน ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งหากจำเป็น 4. ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เช่น มีไข้สูง หายใจถี่ หายใจลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา 5. หลีกเลี่ยงหรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง 608 หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bangkok Business
“พิพัฒน์” สั่งลุย! ตรวจแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย ย้ำไม่ยอมให้แย่งงานคนไทย
“พิพัฒน์” สั่งลุย! ตรวจแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย ย้ำไม่ยอมให้แย่งงานคนไทย . 25 เมษายน 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการป้องกันและปราบปรามแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย ว่า กระทรวงแรงงานให้ความสำคัญสูงสุดต่อการคุ้มครองโอกาสการมีงานทำของแรงงานไทย พร้อมเดินหน้าปราบปรามแรงงานข้ามชาติที่ทำงานโดยผิดกฎหมายอย่างจริงจัง . “ผมได้สั่งการให้อธิบดีกรมการจัดหางานส่งชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อไม่ให้แรงงานต่างชาติเข้ามาแย่งงานคนไทย และสร้างมาตรฐานการจ้างงานที่เป็นธรรม” นายพิพัฒน์ กล่าว . ล่าสุด กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบแรงงานต่างชาติ 2 จุดสำคัญในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ตลาดจตุจักร และย่านห้วยขวาง ซึ่งจุดที่ 1: ตลาดนัดจตุจักร ตรวจสอบแรงงานต่างชาติ 25 คน พบผู้กระทำผิด 3 ราย เป็นการทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 2 ราย และทำงานนอกเหนือจากสิทธิ 1 ราย พร้อมดำเนินคดีกับนายจ้างที่กระทำผิดอีก 2 ราย . จุดที่ 2: ร้านอาหารย่านห้วยขวาง ตรวจสอบสถานประกอบการ 12 แห่ง พบแรงงานต่างชาติ 60 คน ทุกคน มีเอกสารถูกต้อง อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานจะดำเนินการขยายผลและสุ่มตรวจอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง เพื่อป้องกันธุรกิจนอมินี และแรงงานผิดกฎหมายแฝงตัว . นายพิพัฒน์ ย้ำว่า รัฐบาลและกระทรวงแรงงานจะไม่ปล่อยให้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมายบ่อนทำลายโครงสร้างเศรษฐกิจ และขอความร่วมมือจากนายจ้างและสถานประกอบการ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด หากพบผู้ฝ่าฝืน จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด . ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า คนต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตหรือทำงานผิดประเภท จะถูกปรับสูงสุดถึง 50,000 บาท และห้ามทำงานในไทยเป็นเวลา 2 ปี ขณะที่นายจ้างที่จ้างแรงงานผิดกฎหมายจะถูกปรับสูงสุดถึง 200,000 บาทต่อราย และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นเวลา 3 ปี . โดยประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องทุกข์ได้ที่ กรมการจัดหางาน โทร. 1506 กด 2 หรือ สายด่วน 1694 และสำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพฯ พื้นที่ 1–10 โดยขอย้ำว่า “แรงงานต่างชาติต้องอยู่ในระบบ คนไทยต้องไม่ถูกแย่งงาน” ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
โรงพยาบาลเออีซีพร้อมเปิดให้บริการ กรกฎาคม 2568 นี้
โรงพยาบาลเออีซีพร้อมเปิดให้บริการ กรกฎาคม 2568 นี้ . AEC Hospital มีแนวคิดจัดตั้งโรงพยาบาลเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มดังกล่าวโดยเน้นบริการกลุ่มตรวจร่างกาย ทุกประเภท ทั้งรูปแบบในโรงพยาบาล (Walk in ) และบริการนอกสถานที่ (Mobile check up)และรักษาพยาบาล ผู้ป่วยนอก (OPD) ผู้ป่วยใน(IPD) ในกลุ่มโรคง่ายๆไม่ซับช้อน (Simple disease) หรือกลุ่มผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉินเช่น กลุ่มผู้ประสบภัยจากรถ(พรบ.) และ อุบัติเหตุจากการทำงาน (กองทุนเงินทดแทน) / เป็นต้น . *โดยใช้กลยุทธ์หลักเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีคุณภาพ เข้าถึงบริการได้ง่าย แต่ราคาเหมาะสม และพยายามลดภาระให้ผู้รับบริการ ชำระเงินเองหรือชำระส่วนเกินจากสิทธิ์ให้น้อยที่สุด* . โรงพยาบาลเออีซีพร้อมให้บริการทุกสิทธิ์การรักษา เรื่องสุขภาพให้โรงพยาบาลเออีซีดูแลคุณ . สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับสุขภาพหรือข่าวสารต่างๆของโรงพยาบาลเออีซีได้ที่ เพจ Facebook โรงพยาบาลเออีซี
กรมการจัดหางาน เร่งช่วยเหลือแรงงานทุกกลุ่ม หลังเหตุแผ่นดินไหว
อธิบดี “สมชาย” เผย เดินหน้าเต็มที่ตามข้อสั่งการ “พิพัฒน์” รมว.แรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า จากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 กรมการจัดหางานขอแสดงความห่วงใยต่อแรงงานทุกคนที่ได้รับผลกระทบ และพร้อมดำเนินมาตรการช่วยเหลือตามข้อสั่งการของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานทันที โดยเน้นดูแลแรงงานทุกมิติ ทั้งแรงงานไทยในประเทศ แรงงานไทยในต่างประเทศ และแรงงานต่างชาติ ในประเทศไทย มาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศ • ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0% สำหรับผู้กู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน • ส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ และจัดหางานให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง แรงงานไทยในประเทศเมียนมา (สมาชิกกองทุนฯ) • เดินทางกลับก่อนกำหนด (กรณีภัยพิบัติ): ช่วยเหลือรายละ 15,000 บาท • ทุพพลภาพ (มีใบรับรองแพทย์): ช่วยเหลือรายละ 30,000 บาท • เสียชีวิตในต่างประเทศ: ช่วยเหลือรายละ 40,000 บาท • ค่าจัดการศพในต่างประเทศ: ชดเชยตามจริงไม่เกิน 40,000 บาท แรงงานต่างชาติในประเทศไทย - อำนวยความสะดวกในการออกหลักฐานทดแทนกรณีใบอนุญาตทำงานสูญหาย - ติดตามช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้ กรณีอยู่ในระบบประกันสังคม • กรณีบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาล รพ.รัฐ ไม่เกิน 65,000 บาท รพ.เอกชน ไม่เกิน 1,000,000 บาท • กรณีตาย หรือสูญหาย ค่าทำศพ 50,000 บาท ค่าทดแทนรายเดือนร้อยละ 70 ของค่าจ้าง (สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาท) ระยะเวลา 10 ปี • กรณีสูญเสียอวัยวะหรือสมรรถภาพในการทำงาน ได้รับร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี • กรณีทุพพลภาพได้รับร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ไม่เกิน 14,000 บาทต่อเดือน ตลอดชีวิต • กรณีฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงาน ภายหลังการประสบอันตรายสำหรับลูกจ้างจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข กรณีซื้อประกันสุขภาพ (บริษัทประกันเอกชน) • ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน (อุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย): สูงสุด 150,000 บาท • ค่ารักษาผู้ป่วยนอก: ไม่เกิน 15 ครั้งต่อปี / ครั้งละ 1,000 บาท • กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรจากอุบัติเหตุ: ชดเชย 100,000 บาท ทั้งนี้ แรงงาน นายจ้าง และสถานประกอบการ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด / สำนักงานจัดหางานกรุงเทพฯ พื้นที่ 1–10
เช็กมาตรการช่วยเหลือ นายจ้าง ลูกจ้าง ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว
เช็กมาตรการช่วยเหลือ นายจ้าง-ลูกจ้าง ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว . เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานประกอบกิจการหลายแห่งและลูกจ้างได้รับผลกระทบ โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใยและเร่งให้ความช่วยเหลือแรงงานทุกกลุ่มอย่างเร่งด่วน . พร้อมทั้งกำชับให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เร่งสำรวจสถานประกอบกิจการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้และให้ความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อบรรเทาผลกระทบและให้ทุกฝ่ายสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างปกติและฟื้นฟูกิจการได้โดยเร็ว เรือเอก สาโรจน์ กล่าวต่อไปว่า กสร. ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ . มาตรการช่วยเหลือแผ่นดินไหว จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของทุกฝ่ายกฎหมาย ดังนี้ 1. สถานประกอบกิจการได้รับความเสียหายจนต้องปิดกิจการหรือมีความจำเป็นในการเลิกจ้างลูกจ้าง จะต้องจ่ายค่าจ้างถึงวันทำงานวันสุดท้าย หรือวันปิดกิจการและจ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้างตามอายุงาน รวมถึงค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ากรณีไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า 2. กรณีที่ไม่ปิดกิจการแต่มีความจำเป็นต้องหยุดกิจการชั่วคราว ลูกจ้างจะได้รับค่าตอบแทนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของค่าจ้าง หากลูกจ้างไม่ได้รับสิทธิในกรณีดังกล่าว สามารถยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หรือยื่นคำฟ้องต่อศาลแรงงานได้ และหากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน ลูกจ้างยังสามารถยื่นขอรับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด 3. กสร. ยังได้จัดเตรียมมาตรการเพื่อช่วยเหลือนายจ้างหรือสถานประกอบกิจการ ดังนี้ 3.1 สถานประกอบกิจการที่ต้องการปรับปรุงความปลอดภัยในการทำงานภายหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เช่น บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้า เครื่องจักร และปั้นจั่น 3.2 บริการวงเงินกู้จากกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานได้ โดยไม่จำกัดวงเงินและอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 2 ต่อปี พร้อมระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี สอบถามโทร 0 2448 9128-9 ต่อ 801-808 . 4. มาตรการช่วยเหลือลูกจ้างในสถานประกอบกิจการที่มีสหกรณ์ออมทรัพย์ สามารถขอกู้เงินจากกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานได้ในวงเงิน 20 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี และมีระยะเวลาผ่อนชำระ 5 ปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 0 2660 2180 หรือสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครทุกพื้นที่ หรือโทรสายด่วน 1506 กด 3 สายด่วน 1546 ขอบคุณข้อมูลจาก:กรุงเทพธุรกิจ