หน้าหลัก ข่าวสารองค์กร
รัฐเร่งเปิดทางแรงงานเพื่อนบ้านอยู่ต่ออย่างถูกกฎหมาย ผนึกรัฐ เอกชนรักษาแรงงานคุณภาพในระบบ
รัฐเร่งเปิดทางแรงงานเพื่อนบ้านอยู่ต่ออย่างถูกกฎหมาย ผนึกรัฐ - เอกชนรักษาแรงงานคุณภาพในระบบ . เมื่อพูดถึง แรงงานข้ามชาติ ในสายตาคนบางกลุ่มอาจมีมมุมองและมีทัศนคติที่ต่างออกไป บ้างมองถึงการแข่งขันกับ แรงงานไทย บ้างก็มองถึงการเป็นภาระต่อสังคมและระบบสวัสดิการ แต่หากมองให้ลึกและรอบด้านจะพบว่าแรงงานข้ามชาติโดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวและเวียดนาม คือ "แรงงานคุณภาพ" ที่เข้ามาเติมเต็ม ตลาดแรงงานไทย ในหลายภาคส่วน ทั้งภาคการผลิต ธุรกิจบริการ ร้านค้าปลีก ไปจนถึงการดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในภาค SME ที่ต้องพึ่งพากำลังแรงงานเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง . แรงงานข้ามชาติกลุ่มนี้ ไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจฐานราก แต่ยังเป็นฟันเฟืองที่ช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว หากขาดแรงงานกลุ่มนี้เพียงชั่วขณะหนึ่ง ธุรกิจจำนวนไม่น้อยอาจหยุดชะงัก โดยเฉพาะจากสถานการณ์ใบอนุญาตทำงานจำนวนมากที่หมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หากไม่มีมาตรการรองรับทันเวลา ก็อาจนำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและการจ้างงานผิดกฎหมายในวงกว้าง . ในฐานะหน่วยงานหลักด้านแรงงานของประเทศ กระทรวงแรงงาน โดย กรมการจัดหางาน มีภารกิจสำคัญในการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้เข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งเพื่อรักษาเสถียรภาพแรงงานในประเทศ และป้องกันปัญหาการจ้างงานผิดกฎหมายที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว ที่แรงงานข้ามชาติยังคงมีบทบาทเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ดังนั้น การขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุกผ่านมาตรการผ่อนผันในครั้งนี้ จึงสะท้อนเจตนารมณ์ของภาครัฐในการสร้างสมดุลระหว่างการดูแลแรงงานกับการรักษาความแข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจในภาพรวม . นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลมองเห็นความสำคัญของกลุ่มแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศ CLMV คือ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในหลากหลายมิติ โดยต้องไม่ปล่อยให้แรงงานเหล่านี้หลุดจากระบบโดยไม่จำเป็น ซึ่งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ให้ผ่อนผันแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวและเวียดนาม ที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุ ได้อยู่และทำงานต่อในราชอาณาจักรไปจนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 นั้นไม่ใช่แค่เพื่อประโยชน์ของแรงงาน แต่เป็น "การรักษาเสถียรภาพแรงงานของทั้งระบบ" เพราะหากแรงงานเหล่านี้หลุดออกจากระบบ จะเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทั้งในมิติของนายจ้าง เศรษฐกิจฐานราก ไปจนถึงความมั่นคงของธุรกิจขนาดเล็ก . "กรมการจัดหางาน ขอความร่วมมือให้นายจ้างและผู้ประกอบการเร่งดำเนินการขออนุญาตต่ออายุทำงานแรงงานกลุ่มลาวและเวียดนามภายใน 13 พฤษภาคม 2568 นี้ พร้อมเน้นย้ำว่าอย่ามองว่าการดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวเป็นภาระ แต่คือโอกาสในการรักษาทั้งแรงงาน และเสถียรภาพของธุรกิจคุณให้ดำเนินการต่อไปได้แบบไม่สะดุด โดยหากนายจ้างและลูกจ้างยิ่งดำเนินการเร็ว แรงงานก็อยู่ในระบบเร็ว และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" นายสมชาย กล่าวทิ้งท้าย . สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัด ทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 - 10 สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือ สายด่วนกรมการจัดหางาน 1694 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
กรมการจัดหางานเดินหน้าตรวจเข้มแรงงานต่างชาติต่อเนื่อง ย้ำชัด! นายจ้างและแรงงานต่างชาติ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
กรมการจัดหางานเดินหน้าตรวจเข้มแรงงานต่างชาติต่อเนื่อง ย้ำชัด! นายจ้างและแรงงานต่างชาติ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด . นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานยังคงเดินหน้าบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบการทำงานของคนต่างชาติและสถานประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุม ดูแล และป้องกันการจ้างงานที่ผิดกฎหมาย พร้อมย้ำให้นายจ้างและแรงงานต่างด้าวปฏิบัติตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด . ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่จากกองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน ร่วมกับสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 7 สำนักงานเขตทวีวัฒนา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร และกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ลงพื้นที่ตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างชาติภายในตลาดนัด ย่านทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร จากการตรวจสอบร้านค้า 16 แห่งในพื้นที่ดังกล่าว พบแรงงานต่างชาติกระทำความผิดรวม 5 ราย ได้แก่ แรงงานชายสัญชาติเมียนมา 2 ราย ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน หญิง 3 ราย ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นอกจากนี้ ยังพบนายจ้างกระทำผิด 3 ราย เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลศาลาแดงเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย . นายสมชาย กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2568 ( 1 ตุลาคม 2567 – 13 พฤษภาคม 2568) มีการตรวจสอบนายจ้าง/สถานประกอบการแล้ว จำนวน 43,832 แห่ง ดำเนินคดี 1,442 แห่ง และตรวจสอบแรงงานต่างชาติ จำนวน 591,315 คน ดำเนินคดี 2,789 คน ในจำนวนนี้เป็นแรงงานข้ามชาติที่แย่งอาชีพคนไทย จำนวน 1,558 คน กรมการจัดหางานยืนยันว่าจะเดินหน้าตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเป็นธรรม ในระบบการจ้างงานของไทย และคุ้มครองสิทธิของแรงงานทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงานผิดกฎหมายได้ที่ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน อาคารกระทรวงแรงงาน ชั้น 4 โทร. 0 2354 1729 หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกแห่ง สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1–10 หรือผ่านสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน และสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694 ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
ย้ำอย่าตระหนก ผู้ป่วยโควิด 19 รายใหม่เริ่มลดลง
‘สมศักดิ์’ ย้ำอย่าตระหนก ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เริ่มลดลง . เรื่องแพทย์เตือนผู้ป่วยโควิด-19 กลับมาระบาดหนัก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 จนถึงปัจจุบัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมว่า ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ของไทยพุ่งแตะ 53,676 ราย เสียชีวิต 16 ราย โดยกรุงเทพฯ อยู่ที่ 16.7 ราย จำนวนผู้ป่วยเริ่มเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ 15 และสัปดาห์ที่ 18 ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม 2568 พบผู้ป่วยสะสม 14,349 ราย เสียชีวิต 2 ราย เป็นจำนวนผู้ป่วยสูงสุด โดยกรุงเทพฯ พบผู้ป่วย 4,624 ราย ชลบุรี พบผู้ป่วย 1,177 ราย กรุงเทพฯ พบผู้ป่วย 866 ราย และระยอง พบผู้ป่วย 553 ราย อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในสัปดาห์ที่ 4-10 พ.ค. 2568 ลดลงเหลือ 12,543 ราย แนวโน้มการติดเชื้อรายใหม่มีแนวโน้มลดลง จากข้อมูลการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา พบว่าประเทศไทยสามารถตรวจพบผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคมีสาเหตุมาจากปัจจัยตามฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน ซึ่งผู้ป่วยมักออกไปทำกิจกรรมหรือพบปะผู้คน หากป่วยหรือสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 ควรปฏิบัติดังนี้ 1. หากมีอาการน่าสงสัยหรือมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ มีเสมหะ ปวดศีรษะ หรืออ่อนเพลีย ให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อที่ ATK ทันที 2. หากผลการตรวจเป็นบวก ให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง หลีกเลี่ยงกิจกรรมร่วมกับครอบครัวและผู้อื่น และแยกสิ่งของส่วนตัว หากจำเป็นต้องออกจากที่อยู่อาศัย ให้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด ล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง 3. หากมีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง เช่น มีไข้ ไอ มีเสมหะ แต่ไม่รุนแรงมาก และไม่สามารถตรวจด้วย ATK ได้ ไม่ควรออกนอกบ้าน ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งหากจำเป็น 4. ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เช่น มีไข้สูง หายใจถี่ หายใจลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา 5. หลีกเลี่ยงหรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง 608 หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bangkok Business
“พิพัฒน์” สั่งลุย! ตรวจแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย ย้ำไม่ยอมให้แย่งงานคนไทย
“พิพัฒน์” สั่งลุย! ตรวจแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย ย้ำไม่ยอมให้แย่งงานคนไทย . 25 เมษายน 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการป้องกันและปราบปรามแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย ว่า กระทรวงแรงงานให้ความสำคัญสูงสุดต่อการคุ้มครองโอกาสการมีงานทำของแรงงานไทย พร้อมเดินหน้าปราบปรามแรงงานข้ามชาติที่ทำงานโดยผิดกฎหมายอย่างจริงจัง . “ผมได้สั่งการให้อธิบดีกรมการจัดหางานส่งชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อไม่ให้แรงงานต่างชาติเข้ามาแย่งงานคนไทย และสร้างมาตรฐานการจ้างงานที่เป็นธรรม” นายพิพัฒน์ กล่าว . ล่าสุด กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบแรงงานต่างชาติ 2 จุดสำคัญในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ตลาดจตุจักร และย่านห้วยขวาง ซึ่งจุดที่ 1: ตลาดนัดจตุจักร ตรวจสอบแรงงานต่างชาติ 25 คน พบผู้กระทำผิด 3 ราย เป็นการทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 2 ราย และทำงานนอกเหนือจากสิทธิ 1 ราย พร้อมดำเนินคดีกับนายจ้างที่กระทำผิดอีก 2 ราย . จุดที่ 2: ร้านอาหารย่านห้วยขวาง ตรวจสอบสถานประกอบการ 12 แห่ง พบแรงงานต่างชาติ 60 คน ทุกคน มีเอกสารถูกต้อง อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานจะดำเนินการขยายผลและสุ่มตรวจอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง เพื่อป้องกันธุรกิจนอมินี และแรงงานผิดกฎหมายแฝงตัว . นายพิพัฒน์ ย้ำว่า รัฐบาลและกระทรวงแรงงานจะไม่ปล่อยให้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมายบ่อนทำลายโครงสร้างเศรษฐกิจ และขอความร่วมมือจากนายจ้างและสถานประกอบการ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด หากพบผู้ฝ่าฝืน จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด . ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า คนต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตหรือทำงานผิดประเภท จะถูกปรับสูงสุดถึง 50,000 บาท และห้ามทำงานในไทยเป็นเวลา 2 ปี ขณะที่นายจ้างที่จ้างแรงงานผิดกฎหมายจะถูกปรับสูงสุดถึง 200,000 บาทต่อราย และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นเวลา 3 ปี . โดยประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องทุกข์ได้ที่ กรมการจัดหางาน โทร. 1506 กด 2 หรือ สายด่วน 1694 และสำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพฯ พื้นที่ 1–10 โดยขอย้ำว่า “แรงงานต่างชาติต้องอยู่ในระบบ คนไทยต้องไม่ถูกแย่งงาน” ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
โรงพยาบาลเออีซีพร้อมเปิดให้บริการ กรกฎาคม 2568 นี้
โรงพยาบาลเออีซีพร้อมเปิดให้บริการ กรกฎาคม 2568 นี้ . AEC Hospital มีแนวคิดจัดตั้งโรงพยาบาลเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มดังกล่าวโดยเน้นบริการกลุ่มตรวจร่างกาย ทุกประเภท ทั้งรูปแบบในโรงพยาบาล (Walk in ) และบริการนอกสถานที่ (Mobile check up)และรักษาพยาบาล ผู้ป่วยนอก (OPD) ผู้ป่วยใน(IPD) ในกลุ่มโรคง่ายๆไม่ซับช้อน (Simple disease) หรือกลุ่มผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉินเช่น กลุ่มผู้ประสบภัยจากรถ(พรบ.) และ อุบัติเหตุจากการทำงาน (กองทุนเงินทดแทน) / เป็นต้น . *โดยใช้กลยุทธ์หลักเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีคุณภาพ เข้าถึงบริการได้ง่าย แต่ราคาเหมาะสม และพยายามลดภาระให้ผู้รับบริการ ชำระเงินเองหรือชำระส่วนเกินจากสิทธิ์ให้น้อยที่สุด* . โรงพยาบาลเออีซีพร้อมให้บริการทุกสิทธิ์การรักษา เรื่องสุขภาพให้โรงพยาบาลเออีซีดูแลคุณ . สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับสุขภาพหรือข่าวสารต่างๆของโรงพยาบาลเออีซีได้ที่ เพจ Facebook โรงพยาบาลเออีซี
กรมการจัดหางาน เร่งช่วยเหลือแรงงานทุกกลุ่ม หลังเหตุแผ่นดินไหว
อธิบดี “สมชาย” เผย เดินหน้าเต็มที่ตามข้อสั่งการ “พิพัฒน์” รมว.แรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า จากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 กรมการจัดหางานขอแสดงความห่วงใยต่อแรงงานทุกคนที่ได้รับผลกระทบ และพร้อมดำเนินมาตรการช่วยเหลือตามข้อสั่งการของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานทันที โดยเน้นดูแลแรงงานทุกมิติ ทั้งแรงงานไทยในประเทศ แรงงานไทยในต่างประเทศ และแรงงานต่างชาติ ในประเทศไทย มาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศ • ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0% สำหรับผู้กู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน • ส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ และจัดหางานให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง แรงงานไทยในประเทศเมียนมา (สมาชิกกองทุนฯ) • เดินทางกลับก่อนกำหนด (กรณีภัยพิบัติ): ช่วยเหลือรายละ 15,000 บาท • ทุพพลภาพ (มีใบรับรองแพทย์): ช่วยเหลือรายละ 30,000 บาท • เสียชีวิตในต่างประเทศ: ช่วยเหลือรายละ 40,000 บาท • ค่าจัดการศพในต่างประเทศ: ชดเชยตามจริงไม่เกิน 40,000 บาท แรงงานต่างชาติในประเทศไทย - อำนวยความสะดวกในการออกหลักฐานทดแทนกรณีใบอนุญาตทำงานสูญหาย - ติดตามช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้ กรณีอยู่ในระบบประกันสังคม • กรณีบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาล รพ.รัฐ ไม่เกิน 65,000 บาท รพ.เอกชน ไม่เกิน 1,000,000 บาท • กรณีตาย หรือสูญหาย ค่าทำศพ 50,000 บาท ค่าทดแทนรายเดือนร้อยละ 70 ของค่าจ้าง (สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาท) ระยะเวลา 10 ปี • กรณีสูญเสียอวัยวะหรือสมรรถภาพในการทำงาน ได้รับร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี • กรณีทุพพลภาพได้รับร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ไม่เกิน 14,000 บาทต่อเดือน ตลอดชีวิต • กรณีฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงาน ภายหลังการประสบอันตรายสำหรับลูกจ้างจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข กรณีซื้อประกันสุขภาพ (บริษัทประกันเอกชน) • ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน (อุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย): สูงสุด 150,000 บาท • ค่ารักษาผู้ป่วยนอก: ไม่เกิน 15 ครั้งต่อปี / ครั้งละ 1,000 บาท • กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรจากอุบัติเหตุ: ชดเชย 100,000 บาท ทั้งนี้ แรงงาน นายจ้าง และสถานประกอบการ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด / สำนักงานจัดหางานกรุงเทพฯ พื้นที่ 1–10
เช็กมาตรการช่วยเหลือ นายจ้าง ลูกจ้าง ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว
เช็กมาตรการช่วยเหลือ นายจ้าง-ลูกจ้าง ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว . เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานประกอบกิจการหลายแห่งและลูกจ้างได้รับผลกระทบ โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใยและเร่งให้ความช่วยเหลือแรงงานทุกกลุ่มอย่างเร่งด่วน . พร้อมทั้งกำชับให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เร่งสำรวจสถานประกอบกิจการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้และให้ความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อบรรเทาผลกระทบและให้ทุกฝ่ายสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างปกติและฟื้นฟูกิจการได้โดยเร็ว เรือเอก สาโรจน์ กล่าวต่อไปว่า กสร. ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ . มาตรการช่วยเหลือแผ่นดินไหว จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของทุกฝ่ายกฎหมาย ดังนี้ 1. สถานประกอบกิจการได้รับความเสียหายจนต้องปิดกิจการหรือมีความจำเป็นในการเลิกจ้างลูกจ้าง จะต้องจ่ายค่าจ้างถึงวันทำงานวันสุดท้าย หรือวันปิดกิจการและจ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้างตามอายุงาน รวมถึงค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ากรณีไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า 2. กรณีที่ไม่ปิดกิจการแต่มีความจำเป็นต้องหยุดกิจการชั่วคราว ลูกจ้างจะได้รับค่าตอบแทนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของค่าจ้าง หากลูกจ้างไม่ได้รับสิทธิในกรณีดังกล่าว สามารถยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หรือยื่นคำฟ้องต่อศาลแรงงานได้ และหากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน ลูกจ้างยังสามารถยื่นขอรับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด 3. กสร. ยังได้จัดเตรียมมาตรการเพื่อช่วยเหลือนายจ้างหรือสถานประกอบกิจการ ดังนี้ 3.1 สถานประกอบกิจการที่ต้องการปรับปรุงความปลอดภัยในการทำงานภายหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เช่น บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้า เครื่องจักร และปั้นจั่น 3.2 บริการวงเงินกู้จากกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานได้ โดยไม่จำกัดวงเงินและอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 2 ต่อปี พร้อมระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี สอบถามโทร 0 2448 9128-9 ต่อ 801-808 . 4. มาตรการช่วยเหลือลูกจ้างในสถานประกอบกิจการที่มีสหกรณ์ออมทรัพย์ สามารถขอกู้เงินจากกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานได้ในวงเงิน 20 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี และมีระยะเวลาผ่อนชำระ 5 ปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 0 2660 2180 หรือสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครทุกพื้นที่ หรือโทรสายด่วน 1506 กด 3 สายด่วน 1546 ขอบคุณข้อมูลจาก:กรุงเทพธุรกิจ
กรมการจัดหางาน เร่งช่วยเหลือแรงงานทุกกลุ่ม หลังเหตุแผ่นดินไหว
กรมการจัดหางาน เร่งช่วยเหลือแรงงานทุกกลุ่ม หลังเหตุแผ่นดินไหว . อธิบดี “สมชาย” เผย เดินหน้าเต็มที่ตามข้อสั่งการ “พิพัฒน์” รมว.แรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า จากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 กรมการจัดหางานขอแสดงความห่วงใยต่อแรงงานทุกคนที่ได้รับผลกระทบ และพร้อมดำเนินมาตรการช่วยเหลือตามข้อสั่งการของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานทันที โดยเน้นดูแลแรงงานทุกมิติ ทั้งแรงงานไทยในประเทศ แรงงานไทยในต่างประเทศ และแรงงานต่างชาติ ในประเทศไทย มาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศ • ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0% สำหรับผู้กู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน • ส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ และจัดหางานให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง แรงงานไทยในประเทศเมียนมา (สมาชิกกองทุนฯ) • เดินทางกลับก่อนกำหนด (กรณีภัยพิบัติ): ช่วยเหลือรายละ 15,000 บาท • ทุพพลภาพ (มีใบรับรองแพทย์): ช่วยเหลือรายละ 30,000 บาท • เสียชีวิตในต่างประเทศ: ช่วยเหลือรายละ 40,000 บาท • ค่าจัดการศพในต่างประเทศ: ชดเชยตามจริงไม่เกิน 40,000 บาท แรงงานต่างชาติในประเทศไทย - อำนวยความสะดวกในการออกหลักฐานทดแทนกรณีใบอนุญาตทำงานสูญหาย - ติดตามช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้ กรณีอยู่ในระบบประกันสังคม • กรณีบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาล รพ.รัฐ ไม่เกิน 65,000 บาท รพ.เอกชน ไม่เกิน 1,000,000 บาท • กรณีตาย หรือสูญหาย ค่าทำศพ 50,000 บาท ค่าทดแทนรายเดือนร้อยละ 70 ของค่าจ้าง (สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาท) ระยะเวลา 10 ปี • กรณีสูญเสียอวัยวะหรือสมรรถภาพในการทำงาน ได้รับร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี • กรณีทุพพลภาพได้รับร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ไม่เกิน 14,000 บาทต่อเดือน ตลอดชีวิต • กรณีฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงาน ภายหลังการประสบอันตรายสำหรับลูกจ้างจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข กรณีซื้อประกันสุขภาพ (บริษัทประกันเอกชน) • ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน (อุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย): สูงสุด 150,000 บาท • ค่ารักษาผู้ป่วยนอก: ไม่เกิน 15 ครั้งต่อปี / ครั้งละ 1,000 บาท • กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรจากอุบัติเหตุ: ชดเชย 100,000 บาท ทั้งนี้ แรงงาน นายจ้าง และสถานประกอบการ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด / สำนักงานจัดหางานกรุงเทพฯ พื้นที่ 1–10 . ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการจัดหางาน
“พิพัฒน์” ย้ำ! ไม่เก็บค่าธรรมเนียม แรงงานกัมพูชา ลาว เมียนมา เดินทางกลับประเทศต้นทาง สงกรานต์นี้ เดินทางสะดวก ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
“พิพัฒน์” ย้ำ! ไม่เก็บค่าธรรมเนียม แรงงานกัมพูชา-ลาว-เมียนมา เดินทางกลับประเทศต้นทาง สงกรานต์นี้ เดินทางสะดวก ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม . วันที่ 18 มีนาคม 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประกาศมาตรการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศต้นทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยรัฐบาลไทยผ่อนผัน ไม่เก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่แรงงาน . นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า มติในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 เห็นชอบให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่ทำงานถูกต้องตามกฎหมาย สามารถเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 15 พฤษภาคม 2568 เพื่อร่วมประเพณีสงกรานต์ ได้โดยไม่ต้องยื่นคำขออนุญาตเพื่อกลับเข้ามาในราชอาณาจักร (Re-Entry Permit) ถือเป็นมาตรการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในไทยให้ได้รับความสะดวกและสามารถเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัวโดยไม่มีภาระเพิ่มเติมการผ่อนผันดังกล่าวเป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวที่ถูกต้องเพื่อให้แรงงานข้ามชาติที่ทำงานในไทยสามารถเดินทางกลับประเทศได้โดยสะดวก และสามารถกลับเข้ามาทำงานต่อหลังสิ้นสุดเทศกาลโดยไม่มีอุปสรรค . “แรงงานข้ามชาติเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจไทย รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการดูแลสิทธิแรงงาน และอำนวยความสะดวกให้สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมเป็นการช่วยเหลือแรงงานที่อยู่ในระบบให้ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่” นายพิพัฒน์ กล่าว . ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ระยะเวลาการผ่อนผันจะมีผลต่อเมื่อประกาศกระทรวงมหาดไทยมีผลบังคับใช้ หรือเป็นไปตามที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยกำหนด แรงงานที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศ ขอให้ติดตามข่าวสารจากกรมการจัดหางานอย่างใกล้ชิด ที่เว็บไซต์ กรมการจัดหางาน doe.go.th หรือสอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน1694
“พิพัฒน์” เล็งแก้ กม. นำแรงงานต่างด้าว เข้าระบบประกันสังคม ม.33
“พิพัฒน์” เล็งแก้ กม. นำแรงงานต่างด้าว เข้าระบบประกันสังคม ม.33 . นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนารับฟังความคิดเห็น “การแก้ไขกฎหมายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่มีความเชื่อมโยงกับความมั่นคงและกิจการชายแดนของประเทศ” จัดโดย กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรว่า ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้นำเสนอข้อกฎหมายหลายเรื่อง โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว ทั้งชาวเมียนมา กัมพูชา ลาว และ เวียดนาม ซึ่งขณะนี้เกินกำหนดเวลาในการต่อใบอนุญาต ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา . ในส่วนของประเทศกัมพูชาใช้ระบบการต่อใบอนุญาตโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกระทรวงแรงงานพยายามทำทุกอย่างให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพราะจะได้มีการตรวจสอบง่ายขึ้น ส่วนประเทศเมียนมาขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือน จากที่รัฐบาลเมียนมาเปลี่ยน รมว.แรงงาน จึงมีความไม่ชัดเจนของกระบวนการต่อใบอนุญาต หากในระยะเวลา 6 เดือนยังไม่จบก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขยายระยะเวลาต่อไป นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่กำลังหารือ โดยเฉพาะเรื่องประกันสังคมที่มีการทำประชาพิจารณ์เรื่องข้อยกเว้นอาชีพต่าง ๆ ของต่างด้าว เช่น หาบเร่ แม่บ้าน เกษตรกร ที่เป็นข้อยกเว้นของประกันสังคมเราจะนำเข้าสู่ระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 เพื่อให้มีความสะดวกในสิทธิรักษาพยาบาลและการอยู่ในประเทศไทย เมื่อเกษียณอายุและต้องเดินทางกลับ ก็จะได้รับเงินบำนาญตามระเบียบหรือกฎหมายของประกันสังคม ตอนนี้กระทรวงแรงงานได้นำเรื่องเข้าสู่ ครม.แล้วเหลือเพียงรอการบรรจุเท่านั้น . รมว.แรงงาน กล่าวว่า การที่แรงงานไทยมีไม่เพียงพอถือเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจ อย่างผู้ที่ทำเกษตรกร หากเก็บผลผลิตไม่ทันเจ้าของสวนก็จะขาดทุน กระทรวงแรงงานเราทำทุกสิ่งทุกอย่าง อะไรที่สามารถอำนวยความสะดวกและตอบสนอง ขอให้คณะ กมธ.ชุดนี้มาหารือกับกระทรวงแรงงาน อะไรที่ กมธ.ต้องการเร่งด่วน และต้องการนำเสนอเข้า ครม.เราจะต้องคุยและเดินหน้าพร้อมกัน เพื่อผลประโยชน์ประเทศของเรา ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ . ส่วนการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม อยู่ระหว่างเร่งนำเสนอครม. เพื่อปรับแก้การให้อำนาจ รมว.แรงงาน แต่งตั้งคณะกรรมการประกันสังคม หากเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม.ขั้นต่อไปก็สามารถแก้ไขในชั้น กมธ.ได้ ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักข่าวอินโฟเควสท์
โรงพยาบาลเออีซีร่วมกับโรงพยาบาลเอเซียอินเตอร์เนชั่นแนลให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่
โรงพยาบาลเออีซีร่วมกับโรงพยาบาลเอเซียอินเตอร์เนชั่นแนลให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่ . * ไม่ต้องสำรองจ่าย *ไม่เสียเวลาเดินทาง *ไม่ต้องหยุดงาน บริการถึงที่ (ถึงคิวมีเจ้าหน้าที่โทรตาม) . โรงพยาบาลเออีซีร่วมกับโรงพยาบาลเอเซียอินเตอร์เนชั่นแนลพร้อมให้บริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ สิทธิ์ประกันสังคมทุกโรงพยาบาล (มาตรา 33 และ 39) #ไม่ต้องสำรองจ่าย (ภายในวงเงิน 900 บาท/ปี) . ให้บริการทางด้านทันตกรรมพื้นฐาน โดยทีมทันตแพทย์ผู้ชำนาญการ อาทิ 1.ขูดหินปูน 2.อุดฟัน 3.ถอนฟัน 4.ตรวจสุขภาพช่องปาก . สนใจตรวจสุขภาพติดต่อสอบถามหรือ นัดหมายจองคิวได้ที่ 061-350-6197
พิพัฒน์ ขอจับมือ โรม แก้กฎหมายดึงแรงงานต่างด้าว เข้าประกันสังคม
พิพัฒน์ ขอจับมือ โรม แก้กฎหมายดึงแรงงานต่างด้าว เข้าประกันสังคม . “พิพัฒน์” บรรยายแก้กฎหมายจัดการแรงงานต่างด้าว ลั่นขอจับมือ “โรม” บอกแม้อยู่คนละพรรค แต่ทำงานร่วมกันได้ ยินดีถ้ามีเรื่องเร่งด่วนจะนำเข้า ครม.ให้ เล็งแก้กฎหมายนำ “ต่างด้าว” เข้าสู่ระบบประกันตน ม.33 ย้ำแรงงานไทยไม่เพียงพอ ทำประเทศสูญเสีย ที่รัฐสภา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนารับฟังความคิดเห็น “การแก้ไขกฎหมายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ที่มีความเชื่อมโยงกับความมั่นคงและกิจการชายแดนของประเทศ” จัดโดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน กมธ . นายพิพัฒน์ระบุว่า ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้นำเสนอข้อกฎหมายหลายเรื่อง โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว ทั้งชาวเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ซึ่งขณะนี้เลยระยะเวลาในการต่อใบอนุญาต ซึ่งสิ้นสุดแล้วเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านม . นายพิพัฒน์กล่าวต่อว่า ในส่วนประเทศกัมพูชาจบแล้ว เพราะมีการต่อใบอนุญาตโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกระทรวงแรงงานพยามทำทุกอย่างให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพราะจะได้มีการตรวจสอบง่ายขึ้น ขณะที่ประเทศเมียนมา มีการต่อระยะเวลาออกไปอีก 6 เดือน จากที่รัฐบาลเมียนมาเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงมีความไม่ชัดเจนของกระบวนการต่อใบอนุญาต แต่ขอให้สบายใจได้สำหรับนายจ้างใครที่ลงทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้วถือว่ากระบวนการเสร็จสิ้น หากในระยะเวลา 6 เดือน ยังไม่จบก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขยายระยะเวลาต่อไป “ทั้งนี้การนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามมาตรา 64 อยู่ระหว่างรอบรรจุระเบียบวาระเข้าที่ประชุมคณธรัฐมนตรี (ครม.) และมีอีกหลายอย่างที่กำลังหารือ โดยเฉพาะเรื่องประกันสังคม ที่มีการทำประชาพิจารณ์ เรื่องข้อยกเว้นอาชีพ เราจะนำมาตรา 33 มาใช้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการบรรจุเข้าระเบียบวาระที่ประชุม ครม.เช่นกัน” นายพิพัฒน์กล่าว . นายพิพัฒน์กล่าวต่อว่า อาชีพต่าง ๆ ของต่างด้าว เช่น หาบเร่ แม่บ้าน เกษตรกร ที่เป็นข้อยกเว้นของประกันสังคมเราจะนำเข้าสู่ระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 เพื่อให้มีความสะดวกในสิทธิรักษาพยาบาลและการอยู่ในประเทศไทย เมื่อเกษียณอายุและต้องเดินทางกลับ ก็จะได้รับเงินบำนาญตามระเบียบหรือกฎหมายของประกันสังคม ตอนนี้กระทรวงแรงงานได้นำเรื่องเข้าสู่ ครม.แล้วเหลือเพียงรอการบรรจุเท่านั้น รมว.แรงงาน ยังกล่าวว่า แรงงานไทยเรามีไม่เพียงพอ ถือเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจ อย่างผู้ที่ทำเกษตรกร หากเก็บผลผลิตไม่ทันเจ้าของสวนก็จะขาดทุน กระทรวงแรงงานเราทำทุกสิ่งทุกอย่าง อะไรที่สามารถอำนวยความสะดวกและตอบสนอง ขอให้คณะ กมธ.ชุดนี้มาหารือกับกระทรวงแรงงาน อะไรที่ กมธ.ต้องการเร่งด่วน และต้องการนำเสนอเข้า ครม.เราจะต้องคุยและเดินหน้าพร้อมกัน เพื่อผลประโยชน์ประเทศของเรา ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ . “ขอเรียนตรงนี้ว่าพวกเราอยู่ในประเทศไทย ผมอาจะมาจากอีกพรรคหนึ่ง คุณรังสิมันต์ อยู่อีกพรรคหนึ่ง แต่สุดท้ายพวกเรามาทำงานให้คนทั้งประเทศ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเร็วขึ้น มีความโปร่งใสมากขึ้น วันนี้และในอนาคตผมมั่นใจ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาสู่สภา เราคงจะได้มีการปรับเปลี่ยนที่สำคัญจิตสำนึกเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้น กระทรวงแรงงานในยุคที่ผมกำกับดูแล ขอแสดงเจตจำนงว่าอะไรที่เราสามารถทำได้เราพร้อมสนับสนุน . อย่างไรก็ตาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นหัวขบวน จัดประชุมในวันที่ 12 มี.ค. 68 เพื่อเร่งรัดหลายเรื่องให้เข้าสู่ที่ประชุม ครม.โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ประกันสังคม” นายพิพัฒน์กล่าว . นายพิพัฒน์ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม ว่า ตนเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อไปหลายครั้ง ว่าทำไมถึงให้อำนาจรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการประกันสังคม ต้องเรียนให้ทราบว่าการทำประชาพิจารณ์ในยุคโควิด-19 มีการเขียนติ่งท้ายว่าถ้าเกิดเหตุสุดวิสัย ทั้งฝั่งนายจ้างและลูกจ้าง ไม่สามารถมาเลือกตั้งได้ ก็ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา แต่ก่อนที่รัฐมนตรีจะแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาต้องผ่านบอร์ดตามมาตรา 8 และบอร์ดต้องอนุมัติมาตรา 9 . ดังนั้น ตามหลัก ต้องเรียนว่ารัฐมนตรีไม่มีอำนาจที่จะตั้งหรือเลือกใครเข้ามา ซึ่งเรื่องนี้ตนพยายามเร่งนำเข้า ครม. เพื่อปรับส่วนที่ติ่งท้าย หากเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. ขั้นต่อไปก็สามารถแก้ไขในชั้น กมธ.ได้ เช่น กรณีที่รัฐมนตรีตั้งกรรมการสรรหาบอร์ดประกันสังคมให้เอาออกไป ยกเว้นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยเท่านั้น ตนมั่นใจว่าท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติแต่ละท่านก็น่าจะทราบเรื่องนี้ดี... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/politics/news-1768583
กรมการจัดหางานเข้ม! ตรวจจับแรงงานต่างชาติทำงานอาชีพสงวน มั่นใจคนไทยได้สิทธิทำกินอย่างเป็นธรรม
กรมการจัดหางานเข้ม! ตรวจจับแรงงานต่างชาติทำงานอาชีพสงวน มั่นใจคนไทยได้สิทธิทำกินอย่างเป็นธรรม . นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กำชับเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางานให้ดำเนินการ ตรวจสอบ ป้องปราม และปราบปราม การทำงานของแรงงานข้ามชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยเฉพาะอาชีพที่สงวนไว้สำหรับคนไทย เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าสิทธิในการประกอบอาชีพของคนไทยได้รับการคุ้มครอง ล่าสุด เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน ร่วมกับกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ลงพื้นที่ ย่านพระนคร กรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย หลังได้รับเบาะแสว่ามีชาวจีนเปิดร้านเช่าชุดไทยและให้บริการแต่งหน้าแก่นักท่องเที่ยว บริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ . นายสมชาย กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่ได้ตรวจสอบร้านเช่าชุดไทย 6 ร้าน พบว่า 1 ร้าน กระทำผิดกฎหมาย โดยมีแรงงานข้ามชาติสัญชาติจีน 2 ราย ทำงานเป็นครูสอนแต่งหน้าโดยไม่มีใบอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาเป็นแรงงานต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต มีความผิดตามมาตรา 8 มีโทษตามมาตรา 101 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และมีโทษตามมาตรา 102 แห่ง พ.ร.ก. ฉบับเดียวกัน ซึ่งบทลงโทษสำหรับแรงงานที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน ปรับ 5,000 – 50,000 บาท ถูกส่งกลับประเทศต้นทาง และถูกห้ามขอใบอนุญาตทำงานในไทยเป็นเวลา 2 ปี ส่วนนายจ้างที่รับแรงงานผิดกฎหมาย ปรับ 10,000 – 100,000 บาท ต่อแรงงานต่างด้าว 1 คน หากกระทำผิดซ้ำ โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 50,000 – 200,000 บาท ต่อแรงงาน 1 คน และ ถูกห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นเวลา 3 ปี . “กรมการจัดหางาน ขอเน้นย้ำว่าจะเดินหน้าตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการทำงานที่ผิดกฎหมาย คุ้มครองสิทธิแรงงานไทย และสร้างความเป็นธรรมในการทำมาหากิน พร้อมขอให้ประชาชน แจ้งเบาะแสแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงานผิดกฎหมาย มาที่กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน อาคารกระทรวงแรงงาน ชั้น 4 โทร. 0 2354 1729 หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร 1694” นายสมชาย กล่าว
แรงงานต่างด้าว 5 ประเภท ลงทะเบียนในไทยทะลุ 2 ล้านคน พม่ามากสุด
แรงงานต่างด้าว 5 ประเภท ลงทะเบียนในไทยทะลุ 2 ล้านคน พม่ามากสุด . แรงงานต่างด้าวทะลักไทย สถิติพุ่ง ล่าสุดพบแรงงาน 5 ประเภทขึ้นทะเบียน 2.7 ล้านคน โดยกลุ่มที่มีจำนวนสูงสุดเป็นแรงงานต่างด้าวตามมติ ครม. ที่ต้องต่ออายุก่อน 13 ก.พ. 68 แต่มีแรงงานต่างด้าวอีกจำนวนมากหลุดจากระบบเป็นแรงงานเถื่อน โดยเฉพาะชาวเมียนมา ซึ่งสงครามภายในประเทศยากจะสงบ . สมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ไทยมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นผลให้นายจ้าง และสถานประกอบการ ทั้งเกษตรกรรม อุตสาหกรรมและบริการ มีความต้องการกำลังแรงงานเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานประเภททั่วไป ที่คนไทยไม่นิยมทำ เช่น งานในลักษณะของกรรมกร . งานลักษณะดังกล่าวมีความขาดแคลน และต้องการกำลังแรงงานจำนวนมาก ทำให้มีแรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เคลื่อนย้ายเข้าสู่ไทย เพื่อเข้ามาทำงานดังกล่าว ทั้งที่เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายและที่ลักลอบเข้าเมือง โดยสถานการณ์แรงงานข้ามชาติในประเทศไทย จากฐานข้อมูลกรมการจัดหางาน ณ วันที่ 25 เดือนธันวาคม 2567 แรงงานข้ามชาติที่ได้รับอนุญาตทำงานทั่วราชอาณาจักร มีจำนวนทั้งสิ้น 2,715,500 คน ข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์
“สมศักดิ์” จ่อรื้อระบบสาธารณสุขคนต่างด้าว เข้า ครม. กุมภาพันธ์นี้
“สมศักดิ์” จ่อรื้อระบบสาธารณสุขคนต่างด้าว เข้า ครม. กุมภาพันธ์นี้ . “สมศักดิ์” เผย สธ. พร้อมดูแลผู้ลี้ภัย หลัง “ทรัมป์” ตัดงบช่วยเหลือ จ่อรื้อระบบใหม่ ชงเข้า ครม. ช่วง ก.พ.นี้ เหตุคนไทยโวยถูกต่างด้าวแย่งสิทธิ รับ โดน “บิ๊กในรัฐบาล” จี้ให้ทำ . วันที่ 28 มกราคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า หลังจาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศนโยบายว่าจะระงับความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่กระจายอยู่ตามประเทศต่างๆ ทั่วโลกเป็นเวลา 90 วัน ตนเข้าใจว่าผู้ลี้ภัยที่อยู่ในชายแดนไทย มี 9 แห่ง จำนวนมากกว่า 1 แสนคน แต่ในส่วนการดำเนินการของค่ายผู้ลี้ภัย มีเงินช่วยเหลือจากองค์กรระหว่างประเทศ หากนายทรัมป์ หยุดการช่วยเหลือ หรือจะปฏิบัติต่อไปอย่างไร ก็ต้องคอยติดตาม . นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงสาธารณสุขตระหนักมาตลอดว่าคนไทยเสียสิทธิ ถูกชาวต่างชาติมาแย่งสิทธิการดูแลรักษาพยาบาล จึงคิดว่าถึงเวลาปรับสิ่งเหล่านี้ให้เข้ารูปเข้ารอยเสียที เพราะคนต่างด้าวนับล้านคนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย ส่วนหนึ่งมาเป็นแรงงานถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งกระทรวงแรงงานดูแลได้ดีอยู่แล้ว แต่ในส่วนแรงงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อาทิ กลุ่มผู้ลี้ภัย กลุ่มเข้าเมืองผิดกฎหมาย กลุ่มรอพิสูจน์สัญชาติ ซึ่งกลุ่มนี้มีอยู่ 7 แสนคน และกลุ่มที่รอขึ้นทะเบียนแรงงานมีอีกนับล้านคน ดังนั้น จะพูดถึงเฉพาะผู้ลี้ภัยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของนายทรัมป์ อย่างเดียวไม่ได้ การดูแลช่วยเหลือต่างๆ ต้องทำทั้งหมด . ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขอยากจะเคลียร์ปัญหา เพราะผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็จี้ให้ตนแก้ปัญหาตรงนี้ให้หมด เพราะกระทบสิทธิการรักษาพยาบาลของคนในประเทศ คนที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลรัฐโดนแย่งคิว ซึ่งตนจะจัดการและทำเรื่องนี้ให้เรียบร้อย โดยจะนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนกุมภาพันธ์ . นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ลี้ภัยเราคงทอดทิ้งไม่ได้ในเมื่อเขามาอยู่ตรงนี้ แต่ตนจะจัดการในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องเข้าประเทศผิดกฎหมาย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงแรงงาน อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้การที่กระทรวงสาธารณสุขขาดทุ จากการรักษาพยาบาลนับพันล้านคน เราต้องตั้งวงคุยกันว่าจะทำอย่างไร และขณะนี้มีแรงงานรอขึ้นทะเบียน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็ทำอยู่แต่ยังไม่ครบ เพราะมติ ครม. ปรับไปมา เพราะฉะนั้นต้องทำให้นิ่งเสียที . เมื่อถามว่าหากนายทรัมป์ ไม่มอบเงินสนับสนุน แล้วจะนำเงินจากตรงไหนมา นายสมศักดิ์ ตอบว่า เป็นแค่ชั่วคราว จะไปไล่ส่งคงทำไม่ได้ ก็ต้องหวานอมขมกลืนไป แต่ต้องจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่ให้เราต้องควักเนื้อ ส่วนตัวเชื่อว่าทำได้ ทั้งที่เจ้าภาพหลักในการดูแลผู้ลี้ภัยไม่ใช่กระทรวงสาธารณสุข แต่ในเรื่องการรักษาพยาบาลทั้งหมด ไม่ว่าใครเราก็ต้องดูแล ซึ่งแรงงานถูกกฎหมายมีกองทุนประกันสังคมดูแลอยู่แล้ว แต่นอกเหนือจากนั้นกระทรวงสาธารณสุขต้องทำให้ชัดเจน จะได้ตอบคำถามสังคมได้ ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์
พิพัฒน์ นั่งประธาน คบต. มติไม่ขยายระยะเวลา เร่งนายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อภายใน 13 กุมภานี้
พิพัฒน์ นั่งประธาน คบต. มติไม่ขยายระยะเวลา เร่งนายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อภายใน 13 กุมภานี้ . วันที่ 22 มกราคม 2568 เวลา 10.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (คบต.) ครั้งที่ 2/2568 โดยมีนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สภาความมั่นคงแห่งชาติ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงาน . นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า เนื่องจากมีความคืบหน้าจากการประชุมระดับวิชาการเมียนมา – ไทย เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 กระทรวงแรงงาน จึงได้ประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (คบต.) ครั้งที่ 2/2568 ในวันนี้ขึ้น เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมแนวทางการดำเนินการ โดยที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการต่ออายุใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวในลักษณะ MOU ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ดังนี้ 1. เร่งรัดให้นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวของแรงงานสัญชาติกัมพูชาและเมียนมา ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยไม่มีการขยายระยะเวลาให้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวฯ 2. ผ่อนผันให้แรงงานสัญชาติกัมพูชาและเมียนมาที่นายจ้างได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและอนุญาตให้ทำงาน เป็นเวลา 6 เดือน ระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ - 13 สิงหาคม 2568 เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ให้ครบถ้วน 3. ผ่อนผันให้แรงงานสัญชาติลาวและเวียดนามที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมติคณะรัฐมนตรีถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์2568 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 – 13 พฤษภาคม 2568 เพื่อให้นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว พร้อมรูปถ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด ซึ่งหลังจากนี้ กระทรวงแรงงาน จะนำผลการประชุมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป . ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวต่อว่า หลังจากนี้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน จะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ซึ่งแรงงานกลุ่มดังกล่าวจะได้รับการผ่อนผันเมื่อคณะรัฐมนตรี . มีมติเห็นชอบ และประกาศกระทรวงมหาดไทย และประกาศกระทรวงแรงงานมีผลบังคับใช้แล้วเท่านั้น ทั้งนี้ ขอให้นายจ้าง สถานประกอบการ และแรงงานข้ามชาติ เร่งดำเนินการทุกขั้นตอนให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด ระหว่างนี้หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 กรมการจัดหางานหรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694
กรมแรงงาน ย้ำนายจ้างเร่งพาแรงงาน 4 สัญชาติต่ออายุภายใน 13 ก.พ.68พ้นกำหนดพบทำงานไม่มีใบอนุญาตเจอจับ ปรับ ส่งกลับประเทศ
กรมแรงงาน ย้ำนายจ้างเร่งพาแรงงาน 4 สัญชาติต่ออายุภายใน 13 ก.พ.68พ้นกำหนดพบทำงานไม่มีใบอนุญาตเจอจับ-ปรับ-ส่งกลับประเทศ . กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน เน้นย้ำให้นายจ้างเร่งยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าว 4 สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพทั้งแรงงานและนายจ้าง พร้อมคุมเข้มบทลงโทษตามกฎหมาย เตือนนายจ้างที่รับแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือใบอนุญาตทำงานหมดอายุเข้ามาทำงาน ต้องระวางโทษปรับสูงสุด 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าว 1 คน และสำหรับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย ต้องระวางโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท พร้อมถูกส่งตัวกลับประเทศต้นทาง . เมื่อวันที่ 16 ม.ค.68 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน เห็นความสำคัญของการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ทั้งในด้านการดูแลสิทธิประโยชน์ของแรงงานความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมจึงมีนโยบายสนับสนุนการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว 4 สัญชาติ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งจากข้อมูล ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนแรงงานต่างด้าวประมาณ 2.4 ล้านคน ที่ใบอนุญาตทำงานจะหมดอายุในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ดังนั้นขอเชิญชวนให้นายจ้างและแรงงานกลุ่มดังกล่าวเร่งดำเนินการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อให้แรงงานสามารถอยู่และทำงานในประเทศไทยได้ต่อไป . นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน นอกจากจะช่วยให้แรงงานต่างด้าวสามารถทำงานหารายได้เลี้ยงชีพได้โดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วยังเป็นหลักประกันว่าแรงงานเหล่านี้สามารถเข้าถึงสิทธิและความคุ้มครองทางกฎหมาย เนื่องจากประเทศไทยได้กำหนดบทลงโทษไว้อย่างเด็ดขาดสำหรับแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาทำงาน กล่าวคือ แรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงาน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท พร้อมถูกส่งตัวกลับประเทศต้นทาง และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้เป็นเวลา 2 ปี . นอกจากนี้กฎหมายก็กำหนดบทลงโทษสำหรับนายจ้างเช่นเดียวกัน หากนายจ้างรับแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือใบอนุญาตทำงานหมดอายุ เข้ามาทำงาน หรือให้ทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้าง 1 คน หรือหากกระทำผิดซ้ำ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 50,000 – 200,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้าง 1 คน หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นเวลา 3 ปี โดยจากสถิติย้อนหลังประจำปีงบประมาณ 2567 ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 กรมการจัดหางานลงพื้นที่ตรวจสอบนายจ้าง/สถานประกอบการ 63,213 ราย/แห่ง พบการกระทำความผิดและได้ดำเนินคดีกับนายจ้าง/สถานประกอบการ รวม 2,156 ราย/แห่ง และได้มีการตรวจสอบคนต่างด้าว 851,194 คน พบการกระทำความผิดและได้ดำเนินคดี 4,563 คน มียอดค่าปรับที่ได้รับการชำระแล้ว รวมทั้งสิ้น 2,862,150 บาท . ทั้งนี้ กรมการจัดหางาน จึงขอเชิญชวนให้นายจ้างเร่งดำเนินการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามแนวทางที่กรมการจัดหางานกำหนด ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อให้แรงงานต่างด้าวได้รับสิทธิในการอยู่และทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2570 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด ทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 – 10 สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือ สายด่วนกรมการจัดหางาน 1694 (ตลอด 24 ชั่วโมง) . ขอขอบคุณข้อมูลจาก: สยามรัฐ , กระทรวงแรงงาน
คุณพชรดณัย สัตนาโค กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลเออีซี พร้อมด้วยนายแพทย์สัจจพล พงษ์ภมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลเอเชียอินเตอร์
คุณพชรดณัย สัตนาโค กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลเออีซี พร้อมด้วยนายแพทย์สัจจพล พงษ์ภมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลเอเชียอินเตอร์เนชั่นแนล และที่ปรึกษาเข้าสวัสดีปีใหม่ ท่านบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน