เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อยืนยันนัดหมาย
Body Mass Index (BMI) คือ ค่าดัชนีที่ใช้ชี้วัดความสมดุลของน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) และส่วนสูง (เซนติเมตร) ซึ่งสามารถระบุได้ว่า ตอนนี้รูปร่างของคนคนนั้นอยู่ในระดับใด ตั้งแต่อ้วนมากไปจนถึงผอมเกินไป  
                
เหตุผลที่ใช้ดัชนีมวลกายในการคัดกรองสุขภาพของประชากรทั่วไปเนื่องจากการมีน้ำหนักผอมหรืออ้วนเกินไปนั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัญหาสุขภาพ การเกิดโรคเรื้อรัง... และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร                
สูตรคำนวณนี้ เหมาะสำหรับใช้ประเมินผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เพื่อดูอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ตรวจสอบภาวะไขมันและความอ้วน 
                
ดังนั้นการทำให้ร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพในระยะยาว Read More ↓ 
ค่า BMI 30.0 ขึ้นไป ค่อนข้างอันตราย เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงที่แฝงมากับความอ้วน หากค่า BMI อยู่ในระดับนี้ จะต้องปรับพฤติกรรมการทานอาหาร และควรเริ่มออกกำลังกาย และหากเลขยิ่งสูงกว่า 40.0 ยิ่งแสดงถึงความอ้วนที่มากขึ้น ควรไปตรวจสุขภาพ และปรึกษาแพทย์
ค่า BMI ระหว่าง 25.0 - 29.9 อ้วนในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ถึงเกณฑ์ที่ถือว่าอ้วนมาก ๆ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มากับความอ้วนได้เช่นกัน ทั้งโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ควรปรับพฤติกรรมการทานอาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพ
ค่า BMI ระหว่าง 18.5 - 24.9 เป็นน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคนไทยคือค่า BMI ระหว่าง 18.5-24.9 จัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ห่างไกลโรคที่เกิดจากความอ้วน และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ น้อยที่สุด ควรพยายามรักษาระดับค่า BMI ให้อยู่ในระดับนี้ให้นานที่สุด และควรตรวจสุขภาพทุกปี
ค่า BMI น้อยกว่า 18.5 น้ำหนักน้อยกว่าปกติก็ไม่ค่อยดี หากคุณสูงมากแต่น้ำหนักน้อยเกินไป อาจเสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอหรือได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลียง่าย การรับประทานอาหารให้เพียงพอ และการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อสามารถช่วยเพิ่มค่า BMI ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้
ดัชนีมวลกาย หรือ BMI ย่อมาจาก Body Mass Index เป็นค่าสากลที่ใช้เพื่อคำนวณเพื่อหาน้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น และประมาณระดับไขมันในร่างกายโดยใช้น้ำหนักตัว และส่วนสูง การคำนวณดัชนีมวลกายไม่ใช่การวัดโดยตรงแต่ก็เป็นตัวชี้วัดไขมันในร่างกายที่ค่อนข้างเชื่อถือได้สำหรับคนส่วนใหญ่ ค่า BMI สามารถใช้บ่งบอกความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆได้อีกด้วย เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด ระบบหัวใจ รวมไปถึงมะเร็งบางชนิด
แต่อย่างไรก็ตามค่า BMI เป็นแค่การคำนวณเบื้องต้นเท่านั้น เนื่องจากคุณจำเป็นต้องนำปัจจัยอื่นๆ มาประกอบด้วย ทั้งเรื่องของพันธุกรรม ปริมาณกล้ามเนื้อ พฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต การออกกำลังกาย และอื่นๆ แต่เนื่องจากดัชนีมวลกายมีวิธีคำนวณที่ง่าย จึงทำให้ทุกคนสามารถประเมินความเสี่ยงของตนเอง จากการมีปริมาณไขมันในร่างกายเกินได้
แม้ว่าดัชนีมวลกายจะสัมพันธ์กับการวัดไขมันในร่างกายค่อนข้างมาก แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง โดยขึ้นอยู่กับเพศ อายุ และความสามารถทางกีฬา ข้อจำกัดเหล่านี้ ได้แก่                    
* ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าผู้ชาย                    
* คนที่อายุมากกว่ามีแนวโน้มที่จะมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าคนที่อายุน้อยกว่า                    
* นักกีฬาที่ฝึกฝนมาอย่างดีจะมีดัชนีมวลกายสูงเนื่องจากมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่า ทำให้น้ำหนักตัวที่มากนั้นมาจากมวลกล้ามเนื้อ ไม่ใช่ไขมัน องค์ประกอบของร่างกาย ไขมันในร่างกาย และดัชนีมวลกาย                
เหตุผลที่ใช้ดัชนีมวลกายในการคัดกรองสุขภาพของประชากรทั่วไปเนื่องจากการมีน้ำหนักเกินหรืออ้วนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัญหาสุขภาพ การเกิดโรคเรื้อรัง และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรืออ้วนจะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพและโรคต่างๆเพิ่มขึ้น ดังนี้
                    
* โรคข้อเสื่อม                    
* โรคเบาหวาน                    
* โรคมะเร็งบางชนิด                    
* ความดันโลหิตสูง                    
* โรคหลอดเลือดสมอง                    
* โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน                    
* โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ                
                    1. ค่า BMI จะแปรผันตามน้ำหนักตัว หากน้ำหนักตัวเพิ่มก็จะทำให้ค่า BMI เพิ่มขึ้น ถ้าน้ำหนักตัวลดก็จะทำให้ค่า BMI ลดลงเช่นเดียวกัน                    
2. ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มปริมาณการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวัน                    
3. เลือกกินอาหารที่ไขมันไม่สูง หรือทานให้ครบ 5 หมู่                    
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7 ชั่วโมงต่อวัน                    
5. หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี                    
6. ปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทาง                
                    1. วางแผนการใช้ชีวิตและกินอาหารให้ครบ 5 หมู่                    
2. วางแผนออกกำลังกาย เป็นประจำสม่ำเสมอ                    
3. วางแผนเก็บเงิน เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี                    
4. วางแผนซื้อประกันภัยสุขภาพ กรณีล้มป่วยฉุกเฉิน                    
5. วางแผนปรับสมดุลเรื่องงาน ลดความเครียด                    
6. วางแผนลดนอนดึก เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน                    
7. วางแผนเลี่ยงหรือลด การสูบบุหรี่                    
8. วางแผนลดปาร์ตี้กลางคืน และดื่มหนักๆ                    
* ค่อยๆเลี่ยง ค่อยๆลด ให้ร่างกายค่อยๆฟื้นและปรับสมดุล                
                    
                
        ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ครั้งที่ 9/2568
ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ครั้งที่ 9/2568 . วันที่ 24 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ครั้งที่ 9/2568 โดยมีผู้บริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 10 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน . สำหรับการประชุมในครั้งนี้คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานได้พิจารณา ขอรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ขอความเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง กำหนดอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) ขอความเห็นชอบจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ พร้อมทั้งคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ จำนวน 2 สาขา ขอความเห็นชอบปรับปรุงคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพด้านการแพทย์ และสุขภาพ สาขาช่างแต่งผมสตรี ตลอดจนขอความเห็นชอบหลักการการเสนอร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดสาขาอาชีพที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะหรือต้องใช้ผู้มีความรู้ความสามารถ ซึ่งต้องดำเนินการโดยผู้ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ . ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก กระทรวงแรงงาน
        “ตรีนุช” ตั้ง “กรอ.แรงงาน” ร่วมหอการค้าไทยฯ ขับเคลื่อนงานเชิงรุก ชู 6 ข้อเสนอ Quick Big Win ให้เห็นผลภายใน 4 เดือน
“ตรีนุช” ตั้ง “กรอ.แรงงาน” ร่วมหอการค้าไทยฯ ขับเคลื่อนงานเชิงรุก ชู 6 ข้อเสนอ Quick Big Win ให้เห็นผลภายใน 4 เดือน . วันที่ 20 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะ ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงาน . นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่า ในวันนี้ได้ร่วมกันหาแนวทางความร่วมมือ Upskill Reskill ทักษะแรงงานไทย ให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน และยกระดับแรงงานไทย โดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เสนอให้ กระทรวงแรงงาน ยกระดับทักษะแรงงานร่วมกับภาคเอกชน โดยจัดตั้งความร่วมมือรัฐ-เอกชน-สถาบันการศึกษา . เพื่อยกระดับทักษะแรงงานให้ตรงความต้องการของอุตสาหกรรม โดยเน้นกลุ่มอาชีพที่ตลาดต้องการเร่งด่วน และขยายอัตราค่าจ้างตามทักษะฝีมือแรงงาน (Pay by skills) ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานให้ครบตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ให้ครบ 280 สาขา จากที่ประกาศไว้ 129 สาขา และให้ความสำคัญกับการ Upskill, Reskill และ New skill เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือหลากหลาย (Multiskill) ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Labour Productivity) สามารถลดต้นทุนและสร้างความสามารถในการแข่งขัน . นอกจากหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เสนอให้ กระทรวงแรงงาน พิจารณาเรื่องการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายซึ่งบัญบัติไว้ในมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 อย่างเคร่งครัด ใช้กลไกคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) การพิจารณาปรับค่าจ้างแบบจำเพาะหรือเฉพาะกลุ่มอาชีพ อาทิ กิจการโรงแรมควรต้องมีการศึกษาความพร้อม และรับฟังในส่วนต่างจังหวัด ในส่วนของร่าง พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่..) พ.ศ. …. ของพรรคประชาชน จำนวน 2 ฉบับ ได้เสนอว่าควรให้ภาคเอกชน สมาคมนายจ้าง ได้แสดงความคิดเห็นอย่างรอบด้าน เป็นธรรมทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง รวมทั้งไม่ให้ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันและภาพรวมเศรษฐกิจไทย พิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์การวางหลักประกันในการนำเข้าแรงงานต่างด้าว ตลอดจน เสนอให้จัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงาน (OSS) เพื่ออำนวยความสะดวกด้าน Visa & Work Permit คนต่างด้าว (กลุ่ม Skilled Labour & Unskilled Labour) และลดขั้นตอนแก่นักลงทุนต่างประเทศ . นางสาวตรีนุช กล่าวต่อว่า จากการประชุมวันนี้กระทรวงแรงงาน จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านแรงงาน (กรอ.แรงงาน) เพื่อเป็นกลไกกลางบูรณาการข้อเสนอและนโยบายแรงงานระหว่างภาครัฐกับเอกชน ให้สามารถขับเคลื่อนและเห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน โดยมอบหมายปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นผู้ดำเนินการเพื่อหารือรายละเอียดข้อเสนอร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อย่างเร่งด่วนและขับเคลื่อนสู่เป้าหมายเดียวกัน ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากดำเนินการตามข้อเสนอจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการแรงงานของประเทศ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจและเศรษฐกิจ และยังสร้างความมั่นคงด้านแรงงานไทยในระยะยาว เพื่อให้แรงงานไทย “มีงานดี มีทักษะ มีหลักประกันสวัสดิการ” และเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต . ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก กระทรวงแรงงาน
        ใบรับรองแพทย์การตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวต้องตรวจอะไรบ้าง……
ใบรับรองแพทย์การตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวต้องตรวจอะไรบ้าง…… การตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว ในใบรับรองแพทย์จะต้องระบุตรวจผ่านให้ครบทั้ง 7 โรค ดังนี้ 1.“โรคเรื้อน” เป็นโรคติดต่อเรื้อรังที่เกิดจากเชื้อ มัยโคแบคทีเรียม เลแพร เชื้อนี้ชอบ อาศัยอยู่ในเส้นประสาทและผิวหนัง เมื่อร่างกายพยายามกำจัดเชื้อนี้เส้นประสาทจึงถูกทำลายและทำให้เกิดอาการทางผิวหนังตามไปด้วย หากไม่รีบรักษาจะทำให้เกิดความพิการของมือ เท้า และตา 2.“โรคยาเสพติดให้โทษ“ อาการทางจิตจะเกิดขึ้น ต่อ การเสพยาเข้าไปใน ปริมาณมาก ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน คลุ้มคลั่ง ขาดสติ หวาดระแวงกลัวคนจะมาทำร้าย ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ อาจทำร้ายตัวเองและ ผู้อื่น 3. “วัณโรคระยะอันตราย“ ผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคเป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงชนิดหนึ่ง ซึ่ง โดยมากแล้วจะมีผลต่อปอด หรือที่เรียกว่า "วัณโรคปอด" ทั้งนี้ วัณโรคปอดเป็นโรคติดต่อและสามารถแพร่สู่คนผ่านละอองฝอยจากการไอและจามได้ 4. “โรคพิษสุราเรื้อรัง“ คือ กลุ่มที่ดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากติดต่อกันมาเป็นระยะ เวลานานจนไม่สามารถเลิกดื่มได้ ทำให้ส่งผลเสียต่อสภาพร่างกาย หรือการทํางาน ครอบครัว และสังคมรอบข้าง และเพื่อไม่ให้สุขภาพของผู้ป่วยมีปัญหามากขึ้นไปอีก การ หยุดดื่ม..ถือว่าเป็นทางแก้ปัญหาเพียงทางเดียว และที่สำคัญ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของ แพทย์เพื่อให้แนวทางการรักษาเป็นไปอย่างถูกวิธี 5. “โรคเท้าช้าง“ เป็นโรคที่เกิดจากหนอนพยาธิตัวกลมฟิลาเรีย มีลักษณะคล้ายเส้นด้าย อาศัยอยู่ในระบบน้ำเหลือของคน โดยมียุงเป็นพาหะนำโรคมีอาการที่เห็นได้ชัด คือ บา แขน หรืออวัยวะเพศบวมโตผิดปกติ เนื่องจากภาวะอุดตันของท่อน้ำเหลือง 6. “โรคซิฟิลิสในยะระที่ 3“โรคซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อ แบคทีเรีย ทรีโพนีมาพาลลิดัม (Treponema pallidum) เมื่อได้รับเชื้อจะกระจายไป ตามกระแสโลหิต ทำให้เกิดพยาธิสภาพได้เกือบทุกอวัยวะ ระยะที่สาม (ระยะแฝง) ระยะ นี้จะไม่ ปรากฏ อาการใดๆของโรค แต่สามารถตรวจพบเชื้อได้ในกระแสเลือด ผลเลือด ซิฟิลิสเป็นบวก ในสตรีที่มาฝากครรภ์และผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มักพบโรค ซิฟิลิสระยะแฝง มากกว่าระยะอื่น 7. ตรวจการตั้งครรภ์ *สำหรับผู้หญิง
        “HPV” รู้จักไวรัสนี้ให้ดีเพื่อป้องกันในอนาคต
“HPV” รู้จักไวรัสนี้ให้ดีเพื่อป้องกันในอนาคต HPV คืออะไร มีกี่ประเภท HPV เป็นเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า เชื้อแปปิโลมา หรือเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเนื้อเยื่อบุผิว ส่งผลให้เกิดโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่อันตรายต่อร่างกายมากที่สุดคือ สายพันธุ์ 16 และ 18 . ติดง่ายแค่ไหน การแพร่กระจายเชื้อเป็นอย่างไร การติดเชื้อ HPV มักติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก ปาก โดยแพร่เชื้อผ่านรอยแผล หรือรอยขีดข่วนตามผิวหนัง หรือสัมผัสผิวหนัง อีกทั้งสิ่งของปนเปื้อนเชื้อจากผู้ป่วย ที่น่าเป็นห่วงคือ หญิงตั้งครรภ์ที่มีเชื้อ HPV อาจแพร่เชื้อสู่ลูกระหว่างการคลอดได้ ด้วยการสัมผัสเชื้อโดยตรงหรือการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งผู้ที่มีเชื้อ HPV อยู่ในร่างกายมักไม่มีอาการแสดงใด ๆ จึงอาจแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว . อาการเมื่อติดเชื้อ HPV เป็นอย่างไร ผู้ที่ติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการ เพราะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะกำจัดเชื้อไวรัสได้ก่อนเป็นหูด ซึ่งลักษณะของหูดจะแตกต่างตามสายพันธุ์ไวรัส ได้แก่ - หูดทั่วไป จะเป็นตุ่มเล็ก ๆ ที่อาจขึ้นตามมือ นิ้ว ข้อศอก มีสีเนื้อ สีขาว สีชมพู สีน้ำตาลอ่อน บริเวณที่พบคือ มือ นิ้วมือ ข้อศอก แม้ไม่อันตราย แต่อาจทำให้เจ็บปวด โดยผิวหนังที่เกิดหูดอาจมีเลือดออกได้ง่าย - หูดแบนราบ จะมีสีเข้มกว่าปกติและนูนขึ้นมาเล็กน้อย มีขนาดเล็ก พื้นเรียบ เกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย โดยผู้หญิงมักพบที่ขา ผู้ชายมักพบที่เครา เด็กมักพบที่ใบหน้า - หูดบริเวณอวัยวะเพศ หรือหูดหงอนไก่ เป็นติ่งเนื้อคล้ายดอกกะหล่ำที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศหญิง อวัยวะเพศชาย และทวารหนัก มักรู้สึกคัน แต่ไม่เจ็บปวด - หูดบริเวณฝ่าเท้า มักขึ้นตรงส้นเท้าหรือเนินปลายเท้า มีลักษณะเป็นตุ่มแข็ง ไม่ว่ายืนหรือเดินจะรู้สึกเจ็บ . กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ HPV คือใคร - หญิงชายที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย -เด็กและวัยรุ่น โดยเฉพาะเด็กวัยเจริญพันธุ์ - ผู้ที่มีแผลหรือรอยขีดข่วนตามผิวหนัง - ผู้ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ ฯลฯ - ผู้ที่สัมผัสหูดหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อโดยไม่ได้สวมถุงมือเพื่อป้องกัน - ผู้ที่ใช้สถานที่ที่มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เช่น ห้องอาบน้ำสาธารณะ สระว่ายน้ำ ฯลฯ . วิธีป้องกันการติดเชื้อ HPV ทำอย่างไร - ผู้ที่มีอายุ 9 – 26 ปี แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ - - HPV สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก 4 ชนิด - ผู้หญิงที่มีอายุ 21 – 65 ปี ควรตรวจคัดกรองมะเร็ง- - ปากมดลูกเป็นประจำทุกปี - สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ - ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย - ไม่ควรแกะหรือเกาหูดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น - สวมรองเท้าเมื่ออยู่ในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น สระว่ายน้ำสาธารณะ ห้องอาบน้ำรวม ฯลฯ
        8 โรคยอดฮิต ที่มาช่วงปลายฝนต้นหนาว ได้แก่อะไรบ้างนะ ปลายฝนต้นหนาว เสี่ยง 8 โรคยอดฮิตนี้
ปลายฝนต้นหนาว คือช่วงรอยต่อระหว่างฤดูฝนกับฤดูหนาว และแน่นอนว่าอากาศในช่วงนี้ จะลดต่ำลงเกือบทุกภูมิภาคของประเทศไทย แถมยังมีมรสุมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สภาพอากาศแปรปรวนบ่อย เป็นสาเหตุทำให้เจ็บป่วยได้หลายโรค . เราได้รวบรวม 8 โรคยอดฮิต ที่มาช่วงปลายฝนต้นหนาว ได้แก่อะไรบ้างนะ ปลายฝนต้นหนาว เสี่ยง 8 โรคยอดฮิตนี้ . 1. โรคไข้หวัดใหญ่ (Flu) 2. โรคปอดบวม (Pneumonia) 3. โรคไข้หวัด (Common cold) 4. โรคหอบหืด (asthma) 5. โรคไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) 6. โรคอุจจาระร่วง (diarrhea) 7. โรคมือ เท้า ปาก (Hand Foot Mouth Disease) 8. โรคหัด (Measles / Rubella) . วิธีดูแลตนเองในช่วง ปลายฝนต้นหนาว 1. หลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือคลุกคลีกับผู้ป่วย รวมทั้งไม่ใช้สิ่งของรวมกับผู้ป่วย เช่น จาน ช้อนส้อม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ถ้ามีผู้ป่วยในบ้าน ควรให้ปิดปากด้วยหน้ากากอนามัย เวลาไอ หรือจาม 2. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่อย่างถูกวิธี หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ 3. ช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีคนแออัดอากาศถ่ายเทไม่สะดวก 4. กินอาหารที่มีประโยชน์ งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้ระบบภูมิต้านทานโรคในร่างกายต่ำลง และติดเชื้อได้ง่าย 5. ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาร่างกายให้อบอุ่น และไม่ใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้น 5. เมื่อเริ่มมีอาการไข้หวัด ควรนอนพักมาก ๆ และดื่มน้ำบ่อย ๆ ถ้าตัวร้อนมาก กินยาลดไข้ และใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัว หรือถ้าอาการไม่ดีขึ้น เช่น มีอาการไอมากขึ้น แน่นหน้าอก มีไข้นานเกิน ๒ วัน ควรไปพบแพทย์ทันที 6. หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ ควรไปพบแพทย์ทันที . พร้อมเปิดให้บริการแบบเต็มรูปแบบเร็ว ๆ นี้ โรงพยาบาลเออีซี AEC Hospital
        “ตรีนุช” รับข้อเสนอ กลุ่มแรงงานอิสระ เร่งรัด – ผลักดันร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน
“ตรีนุช” รับข้อเสนอ กลุ่มแรงงานอิสระ เร่งรัด – ผลักดันร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน . วันที่ 20 ตุลาคม 2568 เวลา 15.30 น. นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ กลุ่มแรงงานอิสระ นำโดย นายสันติ ปฏิภาณรัตน์ นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รับจ้างสาธารณะ ที่ได้นำสมาชิก 5 สมาคม 1 ชมรม ประกอบด้วย สมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รับจ้างสาธาธารณะ สมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย สมาคมไรเดอร์ไทย สมาคมแท็กซี่ยานยนต์ไฟฟ้า สมาคมผู้รับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างธารณะ (EV) เพื่อการท่องเที่ยวพัทยา ชมรมผู้ค้าแผงลอยถนนข้าวสาร และคณะ จำนวนประมาณ 100 คน เข้าพบเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ พร้อมหารือ เรื่อง การผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ พ.ศ. … โดยมี พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมด้วย ณ บริเวณโถงด้านล่าง ชั้น 1 อาคารกระทรวงแรงงาน . โดยนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวว่า ตั้งแต่มาปฏิบัติหน้าที่ สิ่งแรกที่ตระหนักดีคือเรื่องของสวัสดิการ และผลประโยชน์ของแรงงาน ขอยืนยันว่าจะนำกลับไปเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายให้เร็วที่สุด ซึ่งความคืบหน้าของการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ พ.ศ. …. ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอน กระทรวงแรงงาน เสนอเรื่องให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ฯ ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่พิจารณา . ขณะที่ นายสันติ ปฏิภาณรัตน์ นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รับจ้างสาธารณะ กล่าวว่า ขอให้กระทรวงแรงงาน มีการแก้ไขและทบทวน พระราชบัญญัติ ส่งเสริมและคุ้มค่องแรงงานอิสระในบางมาตรา และเร่งรัดให้มีการขับเคลื่อน ผลักดันพรบ. ออกมาโดยเร็วเพื่อคุ้มครองแรงงานอิสระ อย่างแท้จริง
        "ตรีนุช" ชูธง แก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนเร่งด่วน อัพสกิล ปั้นทักษะสู้ความท้าทาย
"ตรีนุช" ชูธง แก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนเร่งด่วน อัพสกิล-ปั้นทักษะสู้ความท้าทาย . นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบนโยบายขับเคลื่อนภารกิจงานกระทรวงแรงงานให้แก่คณะผู้บริหารและบุคลากรกระทรวงแรงงาน เพื่อกำหนดเป้าหมายในการเร่งแก้ไขปัญหาแรงงานที่เร่งด่วนและสำคัญ เช่น ปัญหาขาดแคลนแรงงาน, การเร่งพัฒนาทักษะ Upskill และ Reskill ให้แรงงานไทย และการส่งเสริมสวัสดิการแรงงาน โดยมุ่งเป้าเดินหน้านโยบายแรงงานให้สอดรับกับความท้าทายทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมย้ำหลักการทำงานโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานทุกกลุ่ม . นางสาวตรีนุช กล่าวว่า ปัญหาสำคัญที่กระทรวงแรงงานต้องเร่งแก้ไขคือ การขาดแคลนแรงงานในภาคธุรกิจที่เป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยจะเร่งดำเนินการทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการจ้างแรงงานสัญชาติอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ศรีลังกา รวมถึงการเปิดโอกาสให้ผู้หนีภัยจากการสู้รบในเมียนมาสามารถเข้ามาเป็นแรงงานทดแทนที่ทำงานได้ชั่วคราว ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ตลอดจนการเร่งรัดการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อป้องกันปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย . อีกหนึ่งนโยบายสำคัญคือ การพัฒนาทักษะ Upskill และ Reskill ให้แรงงานไทยก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัล โดยจะบูรณาการร่วมกับภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างทักษะใหม่ เช่น ภาษาและปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมเดินหน้าโครงการ “1 ตำบล 1 ช่างอเนกประสงค์” ที่มุ่งสร้างแรงงานแบบ Multi Skills และสนับสนุนเครื่องมือทำกินหลังการฝึกอบรม รวมถึงการจัดอบรมอาชีพให้นักศึกษาช่วงปิดภาคเรียนเพื่อรองรับนโยบายส่งเสริมการจ้างงาน . ในส่วนของสวัสดิการแรงงาน รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน โดยจะปรับแก้กฎกระทรวงเพื่อให้แรงงานได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย เช่น การสู้รบบริเวณชายแดน และยกระดับสิทธิประโยชน์ประกันสังคมสำหรับแรงงานนอกระบบตามมาตรา 40 เช่น เพิ่มเงินทดแทนกรณีทุพพลภาพจาก 1,000 บาทเป็น 3,000 บาทต่อเดือน, เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรจาก 200 บาทเป็น 300 บาทต่อคน และปรับค่าทดแทนการขาดรายได้รักษาพยาบาลจาก 50 บาทเป็น 200 บาทต่อครั้ง ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นการยกระดับความมั่นคงและคุณภาพชีวิตให้แก่แรงงานนอกระบบเพิ่มมากขึ้น . นอกจากนี้ ยังมุ่งขยายโอกาสให้แรงงานไทยมีงานทำในต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องขับเคลื่อนนโยบายขยายตลาดแรงงานเชิงรุก โดยใช้กลไกทูตแรงงานใน 12 ประเทศที่มีศักยภาพในการจ้างงาน เพื่อเพิ่มการจ้างงานและดูแลสิทธิประโยชน์แรงงานไทยในต่างแดน รวมทั้งการเดินหน้าพัฒนาระบบบริหารจัดการแรงงานด้วยเทคโนโลยี ผ่านการจัดทำฐานข้อมูลแรงงานแห่งชาติและ Thai National Resume เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลแรงงานทั้งระบบให้อยู่ในการดูแลของกระทรวงแรงงาน ตลอดจนการนำร่อง Sandbox One Stop Service ในพื้นที่ศักยภาพ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่แรงงานและผู้ประกอบการให้ได้รับบริการแบบครบวงจรในที่เดียว . นางสาวตรีนุช ย้ำว่า นโยบายเหล่านี้มีเป้าหมาย เพื่อแก้ไขจัดการปัญหาเร่งด่วนที่กำลังเกิดขึ้นและการวางรากฐานในระยะยาว ทั้งด้านการจัดการแรงงานต่างด้าว การพัฒนาทักษะ การเสริมสวัสดิการ การเปิดตลาดแรงงานต่างประเทศ และการใช้เทคโนโลยีมาขับเคลื่อนระบบแรงงานไทยให้มีความมั่นคง แข่งขันได้ และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต โดยภายใต้การขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงแรงงานนี้จะเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายหลักคือการยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับแรงงานทุกกลุ่ม . ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์
        พงศ์กวิน เผย ครม. เห็นชอบผ่อนผัน นำเข้าแรงงานศรีลังกาทดแทน แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน
พงศ์กวิน เผย ครม. เห็นชอบผ่อนผัน-นำเข้าแรงงานศรีลังกาทดแทน แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน . นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (วันที่ 19 สิงหาคม 2568) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยมาตรการนี้จะช่วยตอบสนองความต้องการแรงงานของนายจ้างและสถานประกอบการทั้งในภาคการผลิตและบริการ มีรายละเอียด ดังนี้ 1. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้อง โดยผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว 4 สัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางที่หมดอายุหรือมีรอยตราประทับ แต่การอนุญาตทำงานหรือการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลง แต่ไม่ได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร (Overstay) หรือระยะเวลาการอนุญาตยังไม่สิ้นสุดลง แต่ทำงานกับนายจ้างโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังรวมถึงคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ที่เข้าเมืองผิดกฎหมายก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะให้ความเห็นชอบและต้องการทำงาน อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อทำงานได้ 1 ปี 2. เห็นชอบแนวทางการนำเข้าแรงงานต่างชาติอื่นๆ ผ่านระบบ MOU เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้กับนายจ้างและสถานประกอบการในการบริหารจัดการกำลังคน ในระยะแรกจะเริ่มนำเข้าแรงงานสัญชาติศรีลังกา ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานได้กำหนดแนวทางการดำเนินการบริหารจัดการคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้อง ดังนี้ 1. นายจ้าง ยื่นบัญชีรายชื่อพร้อมคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว และชำระเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน เป็นเวลา 15 วัน 2. จัดเตรียมเอกสารตามที่กำหนดในแบบคำขอ เช่น ใบรับรองแพทย์ หลักฐานการประกันสุขภาพ หรือหลักฐานการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตน แล้วแต่กรณี ยื่นให้สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ ภายใน 60 วัน 3. ให้คนต่างด้าวต้องไปดำเนินการจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด ภายใน 60 วัน กรณีคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ต้องรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองครั้งแรกภายใน 60 วัน และหลังจากนั้น ให้รายงานตัวทุก 60 วัน 4. ให้คนต่างด้าวสัญชาติลาว เมียนมา และเวียดนาม หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุสามารถขอรับการตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเท่าระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตทำงาน ณ สถานที่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด กรณีไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ให้ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกสารดังกล่าวและไปขอรับการตรวจลงตรา สำหรับการจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติ และออกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ให้กรมการปกครองและกรุงเทพมหานครดำเนินการตามกฎหมายปกติ . นอกจากนี้ สำหรับผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของแรงงานต่างด้าวที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิอยู่ในราชอาณาจักรตามสิทธิของบิดาหรือมารดา โดยให้ผู้ติดตามหรือบิดามารดาจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติ นับตั้งแต่บิดาหรือมารดาได้รับอนุญาตทำงาน หากผู้ติดตามมีอายุครบ 18 ปี และประสงค์จะทำงาน จะได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศเป็นกรณีพิเศษอีก 60 วัน เพื่อยื่นขออนุญาตทำงาน . ทั้งนี้ การดำเนินการของคนต่างด้าวทั้ง 2 กลุ่มจะสามารถเริ่มดำเนินการได้หลังจากประกาศกระทรวงมหาดไทยและประกาศกระทรวงแรงงานมีผลบังคับใช้แล้ว หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694” นายสมชาย กล่าว
        กระทรวงแรงงาน ขอแจ้งนายจ้างและแรงงานเมียนมาทั่วประเทศ
กระทรวงแรงงาน ขอแจ้งนายจ้างและแรงงานเมียนมาทั่วประเทศ แรงงานเมียนมาที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 รัฐบาลมีมติผ่อนผันให้อยู่และทำงานต่อได้อีก 6 เดือน แต่ต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนและต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้เรียบร้อย ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 นี้ - หากคุณเป็นแรงงานเมียนมาที่ใบอนุญาตหมดอายุ - หรือเป็นนายจ้างที่มีลูกจ้างเมียนมาใบอนุญาตหมดอายุ หากมีปัญหาหรือมีข้อสงสัยดังกล่าวเพิ่มเติม สามารถพิมพ์ความคิดเห็นไว้ใต้โพสต์นี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อและให้คำแนะนำได้ กระทรวงแรงงาน พร้อมช่วยเหลือและดูแลแรงงานทุกกลุ่ม ให้ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1506
        “พงศ์กวิน” ปลื้ม ไทยเจ้าภาพ ASEAN OSHNET ดันมาตรฐานความปลอดภัยแรงงาน ลดเสี่ยง เพิ่มคุณภาพชีวิตคนทำงาน
“พงศ์กวิน” ปลื้ม ไทยเจ้าภาพ ASEAN-OSHNET ดันมาตรฐานความปลอดภัยแรงงาน ลดเสี่ยง เพิ่มคุณภาพชีวิตคนทำงาน . วันที่ 3 กันยายน 2568 – ūนายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน ครั้งที่ 6 และเปิดการประชุมวิชาการเครือข่ายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน ครั้งที่ 12 โดยประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยมี เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวรายงาน นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดร.นันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการ สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (สสปท.) และ นางสาวกาญจนา พูลแก้ว ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมด้วย ณ โรงแรม อมารี กรุงเทพฯ . นายพงศ์กวิน กล่าวว่า ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ในปีนี้ ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเครือข่ายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน และยังตรงกับวาระครบรอบ 25 ปีของการก่อตั้งเครือข่ายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน (ASEAN-OSHNET) ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมาตรฐานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในภูมิภาคอาเซียน แม้โลกการทำงานจะเผชิญการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และความเสี่ยงใหม่ ๆ แต่ความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้แรงงานทุกกลุ่มมีความปลอดภัยในการทำงาน . “ความท้าทายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูล การพัฒนามาตรฐานร่วมกัน รวมถึงการส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรม . ด้านความปลอดภัยฯ คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้อาเซียนเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายพงศ์กวิน กล่าว . รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยังกล่าวถึงนโยบายด้านความปลอดภัยฯ ของกระทรวงแรงงานว่า เรามุ่งมั่น ที่จะยกระดับความปลอดภัยของแรงงานทุกกลุ่ม โดยเน้น 3 เรื่องสำคัญ คือ การป้องกันอุบัติเหตุและโรคจากการทำงาน การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยจัดการความเสี่ยง และการดูแลสุขภาพแรงงานอย่างรอบด้าน สำหรับพิธีมอบรางวัล ASEAN-OSHNET Awards ถือเป็นแรงกระตุ้นให้ภาคธุรกิจในภูมิภาคหันมา ให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสะท้อนประโยชน์โดยตรงสู่แรงงาน ผมขอแสดงความยินดีกับสถานประกอบกิจการที่ได้รับรางวัล และขอบคุณผู้แทนประเทศสมาชิก องค์กรภาครัฐ เอกชน และภาคีเครือข่ายที่ร่วมสนับสนุนให้ ASEAN-OSHNET เติบโตต่อเนื่อง พร้อมแสดงความมั่นใจว่าการประชุมครั้งนี้จะก่อให้เกิดข้อเสนอเชิงปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย และส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงานอาเซียนให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต . “ผมขอเน้นย้ำว่า ความปลอดภัยไม่ใช่ต้นทุน แต่เป็นการลงทุน ยิ่งเราดูแลแรงงานได้ดี ธุรกิจก็ยิ่งแข็งแรง ประเทศก็ยิ่งก้าวหน้า จึงอยากฝากให้สถานประกอบกิจการทุกแห่ง เห็นความสำคัญของการป้องกันอุบัติเหตุและโรคจากการทำงาน สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังทำให้แรงงานทำงานได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายพงศ์กวิน กล่าวทิ้งท้าย
18/4/2567
18/6/2567
กำลังพิจารณา
กำลังพิจารณา
เอกสารแสดงเจตฯจำนงค์หาผู้รับเหมา เสนอราคาดัดแปลงอาคาร บริษัท บริษัท เออีซี เมดิคอลเซ็นเตอร์ จำกัด มีความประสงค์หาผู้รับเหมาก่อสร้างเสนอราคา ดัดแปลงอาคาร ตั้งอยู่เลขที่ 5/107 หมู่ที่ 1 ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี รหัสไปรษณีย์ 20000 เพื่อใช้ประกอบกิจการเป็นโรงพยาบาล ที่เป็นไปตามข้อกำหนดของ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข โดยผู้เสนอราคาต้องมีคุณสมบัติหรือข้อกำหนดของบริษัท เออีซีฯ ตามนี้ 1.เป็นบริษัทจำกัด มีสัญชาติไทย และได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาไม่น้อยกว่า 5 ปี มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 10,000,000บาท (สิบล้านบาทถ้วน) และมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างอาคารตามหนังสือรับรองบริษัท 2.ต้องแสดงหรือนำเสนอผลงานที่ผ่านมา มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 5,000,000บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) ต่อโครงการ หากเคยรับงานก่อสร้างโรงพยาบาลมาก่อนจะได้รับการพิจรณาเป็นพิเศษ 3.ต้องไม่เคยมีประวัติการทิ้งงาน ทำงานล่าช้าไม่เสร็จตามสัญญา หรือ ทำงานไม่เป็นไปตามมาตรฐาน จนส่งผลต่อการใช้สอยอาคาร 4.ต้องมีและแสดงถึงฐานะทางการเงิน หรือ Supply Chain ที่มีความน่าเชื่อถือ 5.ต้องมีผู้รับผิดชอบควบคุมงาน และ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป) ตลอดเวลาในการดำเนินงาน 6.ต้องดูแลรักษาความสะอาดอาคารและบริเวณก่อสร้าง 7.ผู้เสนอราคาต้องแสดงรายละเอียดของวัสดุที่ใช้ (BOQ) เช่น ชนิด,ยี่ห้อ,และจำนวนที่ใช้ แนบมาพร้อมใบเสนอราคา 8.ผลการตัดสินของคณะกรรมการบริษัท เออีซีฯ จะเป็นข้อสรุปและถือเป็นข้อยุติ สนใจนัดหมายเข้าดูพื้นที่ได้ทุกวัน โทร 081 499 9970 (คุณกมล) และส่งเอกสารเสนอราคาได้ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2567
17/3/2567
18/4/2567
กำลังพิจารณา
กำลังพิจารณา
ยื่นเสนอราคาและรายละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณา ด้วยตนเองที่โรงพยาบาลเออีซี หรือ ส่งอีเมล์มาที่ aecaechospital@gmail.com หรือ ติดต่อสอบถามทุกช่องทาง
12/2/2567
20/3/2567
บจก.เว็บผึ้งงาน
20/3/2567
AECH-1
จ้างพัฒนาระบบเว็บไซต์โรงพยาบาล
100,000.00
[ ประกาศผลผู้ชนะแล้ว ]
ยื่นเสนอราคาและรายละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณา ด้วยตนเองที่โรงพยาบาลเออีซี หรือ ส่งอีเมล์มาที่ aecaechospital@gmail.com