เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อยืนยันนัดหมาย
Body Mass Index (BMI) คือ ค่าดัชนีที่ใช้ชี้วัดความสมดุลของน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) และส่วนสูง (เซนติเมตร) ซึ่งสามารถระบุได้ว่า ตอนนี้รูปร่างของคนคนนั้นอยู่ในระดับใด ตั้งแต่อ้วนมากไปจนถึงผอมเกินไป
เหตุผลที่ใช้ดัชนีมวลกายในการคัดกรองสุขภาพของประชากรทั่วไปเนื่องจากการมีน้ำหนักผอมหรืออ้วนเกินไปนั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัญหาสุขภาพ การเกิดโรคเรื้อรัง... และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
สูตรคำนวณนี้ เหมาะสำหรับใช้ประเมินผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เพื่อดูอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ตรวจสอบภาวะไขมันและความอ้วน
ดังนั้นการทำให้ร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพในระยะยาว Read More ↓
ค่า BMI 30.0 ขึ้นไป ค่อนข้างอันตราย เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงที่แฝงมากับความอ้วน หากค่า BMI อยู่ในระดับนี้ จะต้องปรับพฤติกรรมการทานอาหาร และควรเริ่มออกกำลังกาย และหากเลขยิ่งสูงกว่า 40.0 ยิ่งแสดงถึงความอ้วนที่มากขึ้น ควรไปตรวจสุขภาพ และปรึกษาแพทย์
ค่า BMI ระหว่าง 25.0 - 29.9 อ้วนในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ถึงเกณฑ์ที่ถือว่าอ้วนมาก ๆ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มากับความอ้วนได้เช่นกัน ทั้งโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ควรปรับพฤติกรรมการทานอาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพ
ค่า BMI ระหว่าง 18.5 - 24.9 เป็นน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคนไทยคือค่า BMI ระหว่าง 18.5-24.9 จัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ห่างไกลโรคที่เกิดจากความอ้วน และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ น้อยที่สุด ควรพยายามรักษาระดับค่า BMI ให้อยู่ในระดับนี้ให้นานที่สุด และควรตรวจสุขภาพทุกปี
ค่า BMI น้อยกว่า 18.5 น้ำหนักน้อยกว่าปกติก็ไม่ค่อยดี หากคุณสูงมากแต่น้ำหนักน้อยเกินไป อาจเสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอหรือได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลียง่าย การรับประทานอาหารให้เพียงพอ และการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อสามารถช่วยเพิ่มค่า BMI ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้
ดัชนีมวลกาย หรือ BMI ย่อมาจาก Body Mass Index เป็นค่าสากลที่ใช้เพื่อคำนวณเพื่อหาน้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น และประมาณระดับไขมันในร่างกายโดยใช้น้ำหนักตัว และส่วนสูง การคำนวณดัชนีมวลกายไม่ใช่การวัดโดยตรงแต่ก็เป็นตัวชี้วัดไขมันในร่างกายที่ค่อนข้างเชื่อถือได้สำหรับคนส่วนใหญ่ ค่า BMI สามารถใช้บ่งบอกความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆได้อีกด้วย เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด ระบบหัวใจ รวมไปถึงมะเร็งบางชนิด
แต่อย่างไรก็ตามค่า BMI เป็นแค่การคำนวณเบื้องต้นเท่านั้น เนื่องจากคุณจำเป็นต้องนำปัจจัยอื่นๆ มาประกอบด้วย ทั้งเรื่องของพันธุกรรม ปริมาณกล้ามเนื้อ พฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต การออกกำลังกาย และอื่นๆ แต่เนื่องจากดัชนีมวลกายมีวิธีคำนวณที่ง่าย จึงทำให้ทุกคนสามารถประเมินความเสี่ยงของตนเอง จากการมีปริมาณไขมันในร่างกายเกินได้
แม้ว่าดัชนีมวลกายจะสัมพันธ์กับการวัดไขมันในร่างกายค่อนข้างมาก แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง โดยขึ้นอยู่กับเพศ อายุ และความสามารถทางกีฬา ข้อจำกัดเหล่านี้ ได้แก่
* ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าผู้ชาย
* คนที่อายุมากกว่ามีแนวโน้มที่จะมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าคนที่อายุน้อยกว่า
* นักกีฬาที่ฝึกฝนมาอย่างดีจะมีดัชนีมวลกายสูงเนื่องจากมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่า ทำให้น้ำหนักตัวที่มากนั้นมาจากมวลกล้ามเนื้อ ไม่ใช่ไขมัน องค์ประกอบของร่างกาย ไขมันในร่างกาย และดัชนีมวลกาย
เหตุผลที่ใช้ดัชนีมวลกายในการคัดกรองสุขภาพของประชากรทั่วไปเนื่องจากการมีน้ำหนักเกินหรืออ้วนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัญหาสุขภาพ การเกิดโรคเรื้อรัง และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรืออ้วนจะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพและโรคต่างๆเพิ่มขึ้น ดังนี้
* โรคข้อเสื่อม
* โรคเบาหวาน
* โรคมะเร็งบางชนิด
* ความดันโลหิตสูง
* โรคหลอดเลือดสมอง
* โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
* โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
1. ค่า BMI จะแปรผันตามน้ำหนักตัว หากน้ำหนักตัวเพิ่มก็จะทำให้ค่า BMI เพิ่มขึ้น ถ้าน้ำหนักตัวลดก็จะทำให้ค่า BMI ลดลงเช่นเดียวกัน
2. ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มปริมาณการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวัน
3. เลือกกินอาหารที่ไขมันไม่สูง หรือทานให้ครบ 5 หมู่
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7 ชั่วโมงต่อวัน
5. หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
6. ปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทาง
1. วางแผนการใช้ชีวิตและกินอาหารให้ครบ 5 หมู่
2. วางแผนออกกำลังกาย เป็นประจำสม่ำเสมอ
3. วางแผนเก็บเงิน เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี
4. วางแผนซื้อประกันภัยสุขภาพ กรณีล้มป่วยฉุกเฉิน
5. วางแผนปรับสมดุลเรื่องงาน ลดความเครียด
6. วางแผนลดนอนดึก เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน
7. วางแผนเลี่ยงหรือลด การสูบบุหรี่
8. วางแผนลดปาร์ตี้กลางคืน และดื่มหนักๆ
* ค่อยๆเลี่ยง ค่อยๆลด ให้ร่างกายค่อยๆฟื้นและปรับสมดุล
ใบรับรองแพทย์การตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวต้องตรวจอะไรบ้าง……
ใบรับรองแพทย์การตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวต้องตรวจอะไรบ้าง…… การตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว ในใบรับรองแพทย์จะต้องระบุตรวจผ่านให้ครบทั้ง 7 โรค ดังนี้ 1.“โรคเรื้อน” เป็นโรคติดต่อเรื้อรังที่เกิดจากเชื้อ มัยโคแบคทีเรียม เลแพร เชื้อนี้ชอบ อาศัยอยู่ในเส้นประสาทและผิวหนัง เมื่อร่างกายพยายามกำจัดเชื้อนี้เส้นประสาทจึงถูกทำลายและทำให้เกิดอาการทางผิวหนังตามไปด้วย หากไม่รีบรักษาจะทำให้เกิดความพิการของมือ เท้า และตา 2.“โรคยาเสพติดให้โทษ“ อาการทางจิตจะเกิดขึ้น ต่อ การเสพยาเข้าไปใน ปริมาณมาก ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน คลุ้มคลั่ง ขาดสติ หวาดระแวงกลัวคนจะมาทำร้าย ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ อาจทำร้ายตัวเองและ ผู้อื่น 3. “วัณโรคระยะอันตราย“ ผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคเป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงชนิดหนึ่ง ซึ่ง โดยมากแล้วจะมีผลต่อปอด หรือที่เรียกว่า "วัณโรคปอด" ทั้งนี้ วัณโรคปอดเป็นโรคติดต่อและสามารถแพร่สู่คนผ่านละอองฝอยจากการไอและจามได้ 4. “โรคพิษสุราเรื้อรัง“ คือ กลุ่มที่ดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากติดต่อกันมาเป็นระยะ เวลานานจนไม่สามารถเลิกดื่มได้ ทำให้ส่งผลเสียต่อสภาพร่างกาย หรือการทํางาน ครอบครัว และสังคมรอบข้าง และเพื่อไม่ให้สุขภาพของผู้ป่วยมีปัญหามากขึ้นไปอีก การ หยุดดื่ม..ถือว่าเป็นทางแก้ปัญหาเพียงทางเดียว และที่สำคัญ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของ แพทย์เพื่อให้แนวทางการรักษาเป็นไปอย่างถูกวิธี 5. “โรคเท้าช้าง“ เป็นโรคที่เกิดจากหนอนพยาธิตัวกลมฟิลาเรีย มีลักษณะคล้ายเส้นด้าย อาศัยอยู่ในระบบน้ำเหลือของคน โดยมียุงเป็นพาหะนำโรคมีอาการที่เห็นได้ชัด คือ บา แขน หรืออวัยวะเพศบวมโตผิดปกติ เนื่องจากภาวะอุดตันของท่อน้ำเหลือง 6. “โรคซิฟิลิสในยะระที่ 3“โรคซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อ แบคทีเรีย ทรีโพนีมาพาลลิดัม (Treponema pallidum) เมื่อได้รับเชื้อจะกระจายไป ตามกระแสโลหิต ทำให้เกิดพยาธิสภาพได้เกือบทุกอวัยวะ ระยะที่สาม (ระยะแฝง) ระยะ นี้จะไม่ ปรากฏ อาการใดๆของโรค แต่สามารถตรวจพบเชื้อได้ในกระแสเลือด ผลเลือด ซิฟิลิสเป็นบวก ในสตรีที่มาฝากครรภ์และผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มักพบโรค ซิฟิลิสระยะแฝง มากกว่าระยะอื่น 7. ตรวจการตั้งครรภ์ *สำหรับผู้หญิง
“HPV” รู้จักไวรัสนี้ให้ดีเพื่อป้องกันในอนาคต
“HPV” รู้จักไวรัสนี้ให้ดีเพื่อป้องกันในอนาคต HPV คืออะไร มีกี่ประเภท HPV เป็นเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า เชื้อแปปิโลมา หรือเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเนื้อเยื่อบุผิว ส่งผลให้เกิดโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่อันตรายต่อร่างกายมากที่สุดคือ สายพันธุ์ 16 และ 18 . ติดง่ายแค่ไหน การแพร่กระจายเชื้อเป็นอย่างไร การติดเชื้อ HPV มักติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก ปาก โดยแพร่เชื้อผ่านรอยแผล หรือรอยขีดข่วนตามผิวหนัง หรือสัมผัสผิวหนัง อีกทั้งสิ่งของปนเปื้อนเชื้อจากผู้ป่วย ที่น่าเป็นห่วงคือ หญิงตั้งครรภ์ที่มีเชื้อ HPV อาจแพร่เชื้อสู่ลูกระหว่างการคลอดได้ ด้วยการสัมผัสเชื้อโดยตรงหรือการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งผู้ที่มีเชื้อ HPV อยู่ในร่างกายมักไม่มีอาการแสดงใด ๆ จึงอาจแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว . อาการเมื่อติดเชื้อ HPV เป็นอย่างไร ผู้ที่ติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการ เพราะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะกำจัดเชื้อไวรัสได้ก่อนเป็นหูด ซึ่งลักษณะของหูดจะแตกต่างตามสายพันธุ์ไวรัส ได้แก่ - หูดทั่วไป จะเป็นตุ่มเล็ก ๆ ที่อาจขึ้นตามมือ นิ้ว ข้อศอก มีสีเนื้อ สีขาว สีชมพู สีน้ำตาลอ่อน บริเวณที่พบคือ มือ นิ้วมือ ข้อศอก แม้ไม่อันตราย แต่อาจทำให้เจ็บปวด โดยผิวหนังที่เกิดหูดอาจมีเลือดออกได้ง่าย - หูดแบนราบ จะมีสีเข้มกว่าปกติและนูนขึ้นมาเล็กน้อย มีขนาดเล็ก พื้นเรียบ เกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย โดยผู้หญิงมักพบที่ขา ผู้ชายมักพบที่เครา เด็กมักพบที่ใบหน้า - หูดบริเวณอวัยวะเพศ หรือหูดหงอนไก่ เป็นติ่งเนื้อคล้ายดอกกะหล่ำที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศหญิง อวัยวะเพศชาย และทวารหนัก มักรู้สึกคัน แต่ไม่เจ็บปวด - หูดบริเวณฝ่าเท้า มักขึ้นตรงส้นเท้าหรือเนินปลายเท้า มีลักษณะเป็นตุ่มแข็ง ไม่ว่ายืนหรือเดินจะรู้สึกเจ็บ . กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ HPV คือใคร - หญิงชายที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย -เด็กและวัยรุ่น โดยเฉพาะเด็กวัยเจริญพันธุ์ - ผู้ที่มีแผลหรือรอยขีดข่วนตามผิวหนัง - ผู้ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ ฯลฯ - ผู้ที่สัมผัสหูดหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อโดยไม่ได้สวมถุงมือเพื่อป้องกัน - ผู้ที่ใช้สถานที่ที่มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เช่น ห้องอาบน้ำสาธารณะ สระว่ายน้ำ ฯลฯ . วิธีป้องกันการติดเชื้อ HPV ทำอย่างไร - ผู้ที่มีอายุ 9 – 26 ปี แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ - - HPV สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก 4 ชนิด - ผู้หญิงที่มีอายุ 21 – 65 ปี ควรตรวจคัดกรองมะเร็ง- - ปากมดลูกเป็นประจำทุกปี - สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ - ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย - ไม่ควรแกะหรือเกาหูดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น - สวมรองเท้าเมื่ออยู่ในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น สระว่ายน้ำสาธารณะ ห้องอาบน้ำรวม ฯลฯ
8 โรคยอดฮิต ที่มาช่วงปลายฝนต้นหนาว ได้แก่อะไรบ้างนะ ปลายฝนต้นหนาว เสี่ยง 8 โรคยอดฮิตนี้
ปลายฝนต้นหนาว คือช่วงรอยต่อระหว่างฤดูฝนกับฤดูหนาว และแน่นอนว่าอากาศในช่วงนี้ จะลดต่ำลงเกือบทุกภูมิภาคของประเทศไทย แถมยังมีมรสุมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สภาพอากาศแปรปรวนบ่อย เป็นสาเหตุทำให้เจ็บป่วยได้หลายโรค . เราได้รวบรวม 8 โรคยอดฮิต ที่มาช่วงปลายฝนต้นหนาว ได้แก่อะไรบ้างนะ ปลายฝนต้นหนาว เสี่ยง 8 โรคยอดฮิตนี้ . 1. โรคไข้หวัดใหญ่ (Flu) 2. โรคปอดบวม (Pneumonia) 3. โรคไข้หวัด (Common cold) 4. โรคหอบหืด (asthma) 5. โรคไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) 6. โรคอุจจาระร่วง (diarrhea) 7. โรคมือ เท้า ปาก (Hand Foot Mouth Disease) 8. โรคหัด (Measles / Rubella) . วิธีดูแลตนเองในช่วง ปลายฝนต้นหนาว 1. หลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือคลุกคลีกับผู้ป่วย รวมทั้งไม่ใช้สิ่งของรวมกับผู้ป่วย เช่น จาน ช้อนส้อม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ถ้ามีผู้ป่วยในบ้าน ควรให้ปิดปากด้วยหน้ากากอนามัย เวลาไอ หรือจาม 2. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่อย่างถูกวิธี หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ 3. ช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีคนแออัดอากาศถ่ายเทไม่สะดวก 4. กินอาหารที่มีประโยชน์ งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้ระบบภูมิต้านทานโรคในร่างกายต่ำลง และติดเชื้อได้ง่าย 5. ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาร่างกายให้อบอุ่น และไม่ใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้น 5. เมื่อเริ่มมีอาการไข้หวัด ควรนอนพักมาก ๆ และดื่มน้ำบ่อย ๆ ถ้าตัวร้อนมาก กินยาลดไข้ และใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัว หรือถ้าอาการไม่ดีขึ้น เช่น มีอาการไอมากขึ้น แน่นหน้าอก มีไข้นานเกิน ๒ วัน ควรไปพบแพทย์ทันที 6. หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ ควรไปพบแพทย์ทันที . พร้อมเปิดให้บริการแบบเต็มรูปแบบเร็ว ๆ นี้ โรงพยาบาลเออีซี AEC Hospital
ทำไมสาว ๆ ถึงควรตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
ทำไมสาว ๆ ถึงควรตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม . ทำไมถึงควรตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ในปัจจุบัน มะเร็งเต้านม ถือเป็น ‘มะเร็งที่พบบ่อยที่สุดของผู้หญิงไทย’ และยังเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งของผู้หญิงไทยด้วย แต่เราสามารถลดสถิตินี้ลงได้ ด้วยการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมที่เรียกว่า ดิจิตอลแมมโมแกรม ซึ่งสามารถตรวจพบความผิดปกติต่างๆ ของเต้านม รวมถึงค้นหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรกได้ดี นำไปสู่การรักษาที่รวดเร็ว และเพิ่มโอกาสหายขาดได้มากกว่าการตรวจพบภายหลังเมื่ออยู่ในระยะลุกลามแล้ว . ใครบ้างที่เสี่ยงเป็น “มะเร็งเต้านม” *ผู้หญิงทุกคนล้วนมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม แต่จะมีความเสี่ยงมากน้อยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมหลายอย่าง เช่น *ผู้หญิงที่มีประวัติสมาชิกในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งมาก่อน ย่อมมีความเสี่ยงสูง *ผู้หญิงที่มีพันธุกรรมผิดปกติที่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม *ผู้หญิงที่ไม่มีลูก หรือมีลูกคนแรกหลังอายุ 30 ปี *ผู้หญิงที่ได้รับฮอร์โมนเพศหญิงจากภายนอกเป็นเวลานาน เช่น การใช้ยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศหญิง *ผู้หญิงที่มีภาวะอ้วน และดื่มแอลกอฮอล์มากๆ เป็นประจำ . อาการแบบไหน? อาจใช่ “มะเร็งเต้านม” ที่ต้องรีบไปตรวจ *คลำพบก้อนเนื้อบริเวณเต้านม หรือใต้รักแร้ รู้สึกเจ็บบริเวณเต้านม *ผิวหนังของเต้านมผิดปกติไปจากเดิม เช่น มีรอยบุ๋มคล้ายลักยิ้ม บวมหนาคล้ายเปลือกส้ม หรือมีรอยบวมแดง *มีของเหลวไหลออกมาจากหัวนม มีแผลบริเวณเต้านมหรือหัวนม โดยเฉพาะแผลที่รักษาแล้วไม่หาย *หากมีอาการเหล่านี้ แพทย์มักตรวจพบว่ามีความสัมพันธ์กับมะเร็งเต้านม ดังนั้นแม้มีอาการเหล่านี้เพียงเล็กน้อย ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดจะดีกว่า จะได้เริ่มทำการรักษาอย่างตรงจุดให้เร็วที่สุด ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายจากโรคได้ . อันตรายของ “มะเร็งเต้านม” หากพบว่าตนเองมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม แต่ไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ อาจส่งผลให้ก้อนมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณเต้านมขยายใหญ่และลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ของร่างกายได้ เช่น ตับ ปอด สมอง และกระดูก ซึ่งการแพร่กระจายของมะเร็งอาจเป็นระยะสุดท้ายของมะเร็งแล้ว ทำให้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และมีอัตราของการรอดชีวิตที่น้อยลง ดังนั้น การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมอย่างสม่ำเสมอแม้ไม่มีอาการสงสัย จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้ โดยปัจจุบันการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการตรวจที่เรียกว่า “ดิจิตอลแมมโมแกรม” นั่นเอง
กระทรวงแรงงาน ขอแจ้งนายจ้างและแรงงานเมียนมาทั่วประเทศ
กระทรวงแรงงาน ขอแจ้งนายจ้างและแรงงานเมียนมาทั่วประเทศ แรงงานเมียนมาที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 รัฐบาลมีมติผ่อนผันให้อยู่และทำงานต่อได้อีก 6 เดือน แต่ต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนและต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้เรียบร้อย ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 นี้ - หากคุณเป็นแรงงานเมียนมาที่ใบอนุญาตหมดอายุ - หรือเป็นนายจ้างที่มีลูกจ้างเมียนมาใบอนุญาตหมดอายุ หากมีปัญหาหรือมีข้อสงสัยดังกล่าวเพิ่มเติม สามารถพิมพ์ความคิดเห็นไว้ใต้โพสต์นี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อและให้คำแนะนำได้ กระทรวงแรงงาน พร้อมช่วยเหลือและดูแลแรงงานทุกกลุ่ม ให้ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1506
“พงศ์กวิน” ปลื้ม ไทยเจ้าภาพ ASEAN OSHNET ดันมาตรฐานความปลอดภัยแรงงาน ลดเสี่ยง เพิ่มคุณภาพชีวิตคนทำงาน
“พงศ์กวิน” ปลื้ม ไทยเจ้าภาพ ASEAN-OSHNET ดันมาตรฐานความปลอดภัยแรงงาน ลดเสี่ยง เพิ่มคุณภาพชีวิตคนทำงาน . วันที่ 3 กันยายน 2568 – ūนายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน ครั้งที่ 6 และเปิดการประชุมวิชาการเครือข่ายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน ครั้งที่ 12 โดยประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยมี เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวรายงาน นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดร.นันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการ สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (สสปท.) และ นางสาวกาญจนา พูลแก้ว ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมด้วย ณ โรงแรม อมารี กรุงเทพฯ . นายพงศ์กวิน กล่าวว่า ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ในปีนี้ ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเครือข่ายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน และยังตรงกับวาระครบรอบ 25 ปีของการก่อตั้งเครือข่ายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของอาเซียน (ASEAN-OSHNET) ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมาตรฐานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในภูมิภาคอาเซียน แม้โลกการทำงานจะเผชิญการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และความเสี่ยงใหม่ ๆ แต่ความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้แรงงานทุกกลุ่มมีความปลอดภัยในการทำงาน . “ความท้าทายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูล การพัฒนามาตรฐานร่วมกัน รวมถึงการส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรม . ด้านความปลอดภัยฯ คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้อาเซียนเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายพงศ์กวิน กล่าว . รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยังกล่าวถึงนโยบายด้านความปลอดภัยฯ ของกระทรวงแรงงานว่า เรามุ่งมั่น ที่จะยกระดับความปลอดภัยของแรงงานทุกกลุ่ม โดยเน้น 3 เรื่องสำคัญ คือ การป้องกันอุบัติเหตุและโรคจากการทำงาน การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยจัดการความเสี่ยง และการดูแลสุขภาพแรงงานอย่างรอบด้าน สำหรับพิธีมอบรางวัล ASEAN-OSHNET Awards ถือเป็นแรงกระตุ้นให้ภาคธุรกิจในภูมิภาคหันมา ให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสะท้อนประโยชน์โดยตรงสู่แรงงาน ผมขอแสดงความยินดีกับสถานประกอบกิจการที่ได้รับรางวัล และขอบคุณผู้แทนประเทศสมาชิก องค์กรภาครัฐ เอกชน และภาคีเครือข่ายที่ร่วมสนับสนุนให้ ASEAN-OSHNET เติบโตต่อเนื่อง พร้อมแสดงความมั่นใจว่าการประชุมครั้งนี้จะก่อให้เกิดข้อเสนอเชิงปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย และส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงานอาเซียนให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต . “ผมขอเน้นย้ำว่า ความปลอดภัยไม่ใช่ต้นทุน แต่เป็นการลงทุน ยิ่งเราดูแลแรงงานได้ดี ธุรกิจก็ยิ่งแข็งแรง ประเทศก็ยิ่งก้าวหน้า จึงอยากฝากให้สถานประกอบกิจการทุกแห่ง เห็นความสำคัญของการป้องกันอุบัติเหตุและโรคจากการทำงาน สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังทำให้แรงงานทำงานได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายพงศ์กวิน กล่าวทิ้งท้าย
ครม.เห็นชอบแรงงานต่างด้าวผู้หนีภัยสู้รบใน 4 จังหวัด อนุญาตทำงานได้ไม่เกิน 1 ปี
ครม.เห็นชอบแรงงานต่างด้าวผู้หนีภัยสู้รบใน 4 จังหวัด อนุญาตทำงานได้ไม่เกิน 1 ปี . รมว.แรงงาน เผย ครม.เห็นชอบผ่อนผันแรงงานต่างด้าวผู้หนีภัยสู้รบจากเมียนมา ในพื้นที่พักพิง 4 จังหวัด อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำงานได้ไม่เกิน 1 ปี . นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ที่พำนักอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ . โดยผ่อนผันให้คนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราว สำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาทั้ง 9 แห่งใน 4 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี และราชบุรี ซึ่งกรมการปกครองได้จัดทำทะเบียนเรียบร้อยแล้ว โดยได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำงานได้ไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่มีคำสั่งอนุญาต . นายพงศ์กวินกล่าวเพิ่มเติมว่า คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมายจะต้องขออนุญาตออกนอกเขตพื้นที่ควบคุม และยื่นคำขออนุญาตทำงาน ซึ่งคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตสามารถทำงานกับนายจ้างได้ทุกประเภทที่ไม่มีประกาศห้ามคนต่างด้าวทำ และมีสิทธิทำงานกรรมกรและงานขายของหน้าร้านกับนายจ้างตามประกาศกรมการจัดหางานว่าด้วยเงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทำงาน ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า คนต่างด้าวที่ประสงค์จะทำงานต้องยื่นคำขออนุญาตออกนอกพื้นที่ควบคุม และยื่นคำขออนุญาตทำงานพร้อมเอกสารและหลักฐานที่กำหนดตามแบบคำขอ อาทิ หลักฐานการทำประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวกับกระทรวงสาธารณสุข และต้องชำระค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ในการขออนุญาตทำงานครั้งแรก จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับแรงงาน . ทั้งนี้ ครม.ให้ความเห็นชอบในหลักการร่างประกาศของกระทรวงแรงงาน จำนวน 1 ฉบับ และร่างประกาศของกระทรวงมหาดไทย จำนวน 1 ฉบับ โดยการดำเนินการตามมาตรการนี้จะสามารถดำเนินการได้หลังจากประกาศทั้งสองฉบับมีผลบังคับใช้แล้ว หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694
“พงศ์กวิน” สั่งลุยตรวจแรงงานจีนและเมียนมาผิดกฎหมายหลังได้รับรายงาน เร่งตั้งคณะกรรมการคุมเข้ม
“พงศ์กวิน” สั่งลุยตรวจแรงงานจีนและเมียนมาผิดกฎหมายหลังได้รับรายงาน เร่งตั้งคณะกรรมการคุมเข้ม . นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังได้รับรายงานด่วน จากหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดชลบุรีว่ามีแรงงานต่างด้าวลักลอบทำงานในโรงงานผลิตชิ้นส่วนขึ้นรูปพลาสติก ตำบลหนองบอนแดง อำเภอบ้านบึง โดยเฉพาะแรงงานสัญชาติจีนและเมียนมาจำนวนมากที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานไม่ตรงตามที่ได้รับอนุญาต ได้สั่งการตรงถึงอธิบดีกรมการจัดหางานให้ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ทันที และกำชับให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด . นอกจากนี้ ยังสั่งการเร่งตั้ง “คณะกรรมการตรวจสอบการจ้าง สภาพการจ้าง การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานผิดกฎหมาย” เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวดครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย เป้าหมายคือป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานผิดกฎหมายให้สิ้นซาก . ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ภายใต้คำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชุดปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานจังหวัดชลบุรี ได้แก่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดชลบุรี สำนักงานแรงงานจังหวัดชลบุรี สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จังหวัดชลบุรี กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และฝ่ายปกครองจังหวัดชลบุรี เข้าตรวจสอบโรงงานเป้าหมาย หลังรับข้อสั่งการเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และได้รับข้อมูลยืนยันว่ามีแรงงานต่างด้าวทำงานโดยผิดกฎหมาย . ผลการตรวจสอบ พบแรงงานต่างชาติรวม 32 คน แบ่งเป็นสัญชาติจีน 4 คน และเมียนมา 28 คน โดยมี 4 คนทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต และอีก 28 คนไม่แจ้งต่อนายทะเบียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลนายจ้างและลักษณะงานตามเวลาที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ยังพบนายจ้าง 1 ราย กระทำผิด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบ้านบึงดำเนินคดีทันที ตามกฎหมาย แรงงานต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตจะถูกปรับ 5,000–50,000 บาท ผลักดันออกนอกประเทศ และห้ามขอใบอนุญาตใหม่เป็นเวลา 2 ปี ส่วนสถานประกอบการที่รับแรงงานต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาต มีโทษปรับ 10,000–100,000 บาทต่อคน หากทำผิดซ้ำ อาจจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 50,000–200,000 บาทต่อคน และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นเวลา 3 ปี . นายพงศ์กวิน กล่าวว่า “จะไม่มีการปล่อยปละละเลยต่อแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หากฝ่าฝืนกฎหมายแรงงานไทย จะถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุด” กระทรวงแรงงานขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หรือมีเบาะแส ให้แจ้งได้ที่กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน โทร. 02-354-1729 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกแห่ง สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694
กรมการจัดหางาน ดีเดย์เปิดตัว “Outsourcing Service” ใบอนุญาตทำงานคนต่างด้าว โฉมใหม่! ยกระดับบริการสู่ดิจิทัล เตรียมพร้อมเปิดให้บริการ 1 กันยายนนี้ ทั่ว
กรมการจัดหางาน ดีเดย์เปิดตัว “Outsourcing Service” ใบอนุญาตทำงานคนต่างด้าว โฉมใหม่! ยกระดับบริการสู่ดิจิทัล เตรียมพร้อมเปิดให้บริการ 1 กันยายนนี้ ทั่วประเทศ . วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นประธานในพิธีแถลงข่าว เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการจ้างเหมาเอกชนผลิตใบอนุญาตทำงานและให้บริการรับคำขอและการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (Outsourcing Service) อย่างเป็นทางการ โดยมีนายจำนงค์ ทรงเคารพ ผู้ตรวจราชการกรม กรมการจัดหางาน กล่าวรายงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ผู้แทนจากภาคเอกชน และสื่อมวลชน ร่วมเป็นเกียรติ ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ห้องอัศวิน แกรนด์ บอลรูม B – C ชั้น 4 เพื่อมุ่งยกระดับการให้บริการด้านแรงงานต่างด้าวให้ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว และโปร่งใสมากยิ่งขึ้น . นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับตัวของภาครัฐ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของบริบทแรงงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้การบริการของรัฐสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว โปร่งใส ลดต้นทุน และลดภาระในการติดต่อราชการ จึงได้ริเริ่มโครงการ Outsourcing Service นี้ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการดำเนินภารกิจของกรมฯ ในส่วนที่สามารถถ่ายโอนการให้บริการได้อย่างเหมาะสม ภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่เข้มงวดของภาครัฐ โดยยังคงยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล และการคุ้มครองสิทธิของแรงงานทุกคน ซึ่งระบบได้เตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน ทั้งด้านกฎหมาย กระบวนงาน เทคโนโลยี และบุคลากร และพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กันยายน 2568 พร้อมกัน ทุกที่ ทุกเวลาทั่วประเทศ . นายสมชายฯ กล่าวถึงที่มาของโครงการว่า จากยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิทัล เพื่อให้ภาครัฐมีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ สามารถให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้สะดวก ประหยัด และมีคุณภาพ กรมการจัดหางานจึงได้จ้างเหมาภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการแทนในภารกิจหลัก ทั้งการรับคำขอ การแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว และผลิตใบอนุญาตทำงาน เพื่อยกระดับการบริการให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ สำหรับหัวใจสำคัญของโครงการนี้คือการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมีขั้นตอนการดำเนินงานที่ชัดเจน ได้แก่ เริ่มต้นจากการลงทะเบียนเข้าใช้งานระบบ และยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม หลังจากยื่นคำขอและชำระค่าธรรมเนียมการพิจารณา ผู้ใช้บริการสามารถรอการตรวจสอบเอกสารและติดตามสถานะได้ทันที เมื่อได้รับผลการอนุมัติ ก็สามารถชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และทำการนัดหมายออนไลน์เพื่อเลือกศูนย์บริการ วันและเวลาที่สะดวกในการเข้ารับบริการ จากนั้นเพียงเดินทางไปที่ศูนย์บริการใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวที่เลือกไว้ เพื่อรับใบอนุญาตทำงานที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองความถูกต้องด้วยเทคโนโลยีการพิสูจน์ตัวตน อาทิ ระบบลายนิ้วมือและการสแกนม่านตา เพื่อความปลอดภัยและแม่นยำของข้อมูล . เพื่อรองรับการให้บริการอย่างครอบคลุม กรมการจัดหางานกำหนดให้จัดตั้งศูนย์บริการใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 40 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 7 แห่ง และต่างจังหวัด 33 แห่ง รวมถึงหน่วยบริการใบอนุญาตทำงานแบบเคลื่อนที่อีก 8 หน่วย เพื่ออำนวยความสะดวกในทุกพื้นที่ ทำให้การบริการเข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น การดำเนินโครงการ Outsourcing Service นี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจของกรมการจัดหางานให้ตอบรับกับยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านแรงงานให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจ ลดภาระในการติดต่อราชการ พร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
18/4/2567
18/6/2567
กำลังพิจารณา
กำลังพิจารณา
เอกสารแสดงเจตฯจำนงค์หาผู้รับเหมา เสนอราคาดัดแปลงอาคาร บริษัท บริษัท เออีซี เมดิคอลเซ็นเตอร์ จำกัด มีความประสงค์หาผู้รับเหมาก่อสร้างเสนอราคา ดัดแปลงอาคาร ตั้งอยู่เลขที่ 5/107 หมู่ที่ 1 ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี รหัสไปรษณีย์ 20000 เพื่อใช้ประกอบกิจการเป็นโรงพยาบาล ที่เป็นไปตามข้อกำหนดของ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข โดยผู้เสนอราคาต้องมีคุณสมบัติหรือข้อกำหนดของบริษัท เออีซีฯ ตามนี้ 1.เป็นบริษัทจำกัด มีสัญชาติไทย และได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาไม่น้อยกว่า 5 ปี มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 10,000,000บาท (สิบล้านบาทถ้วน) และมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างอาคารตามหนังสือรับรองบริษัท 2.ต้องแสดงหรือนำเสนอผลงานที่ผ่านมา มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 5,000,000บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) ต่อโครงการ หากเคยรับงานก่อสร้างโรงพยาบาลมาก่อนจะได้รับการพิจรณาเป็นพิเศษ 3.ต้องไม่เคยมีประวัติการทิ้งงาน ทำงานล่าช้าไม่เสร็จตามสัญญา หรือ ทำงานไม่เป็นไปตามมาตรฐาน จนส่งผลต่อการใช้สอยอาคาร 4.ต้องมีและแสดงถึงฐานะทางการเงิน หรือ Supply Chain ที่มีความน่าเชื่อถือ 5.ต้องมีผู้รับผิดชอบควบคุมงาน และ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป) ตลอดเวลาในการดำเนินงาน 6.ต้องดูแลรักษาความสะอาดอาคารและบริเวณก่อสร้าง 7.ผู้เสนอราคาต้องแสดงรายละเอียดของวัสดุที่ใช้ (BOQ) เช่น ชนิด,ยี่ห้อ,และจำนวนที่ใช้ แนบมาพร้อมใบเสนอราคา 8.ผลการตัดสินของคณะกรรมการบริษัท เออีซีฯ จะเป็นข้อสรุปและถือเป็นข้อยุติ สนใจนัดหมายเข้าดูพื้นที่ได้ทุกวัน โทร 081 499 9970 (คุณกมล) และส่งเอกสารเสนอราคาได้ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2567
17/3/2567
18/4/2567
กำลังพิจารณา
กำลังพิจารณา
ยื่นเสนอราคาและรายละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณา ด้วยตนเองที่โรงพยาบาลเออีซี หรือ ส่งอีเมล์มาที่ aecaechospital@gmail.com หรือ ติดต่อสอบถามทุกช่องทาง
12/2/2567
20/3/2567
บจก.เว็บผึ้งงาน
20/3/2567
AECH-1
จ้างพัฒนาระบบเว็บไซต์โรงพยาบาล
100,000.00
[ ประกาศผลผู้ชนะแล้ว ]
ยื่นเสนอราคาและรายละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณา ด้วยตนเองที่โรงพยาบาลเออีซี หรือ ส่งอีเมล์มาที่ aecaechospital@gmail.com