เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อยืนยันนัดหมาย
Body Mass Index (BMI) คือ ค่าดัชนีที่ใช้ชี้วัดความสมดุลของน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) และส่วนสูง (เซนติเมตร) ซึ่งสามารถระบุได้ว่า ตอนนี้รูปร่างของคนคนนั้นอยู่ในระดับใด ตั้งแต่อ้วนมากไปจนถึงผอมเกินไป
เหตุผลที่ใช้ดัชนีมวลกายในการคัดกรองสุขภาพของประชากรทั่วไปเนื่องจากการมีน้ำหนักผอมหรืออ้วนเกินไปนั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัญหาสุขภาพ การเกิดโรคเรื้อรัง... และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
สูตรคำนวณนี้ เหมาะสำหรับใช้ประเมินผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เพื่อดูอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ตรวจสอบภาวะไขมันและความอ้วน
ดังนั้นการทำให้ร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพในระยะยาว Read More ↓
ค่า BMI 30.0 ขึ้นไป ค่อนข้างอันตราย เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงที่แฝงมากับความอ้วน หากค่า BMI อยู่ในระดับนี้ จะต้องปรับพฤติกรรมการทานอาหาร และควรเริ่มออกกำลังกาย และหากเลขยิ่งสูงกว่า 40.0 ยิ่งแสดงถึงความอ้วนที่มากขึ้น ควรไปตรวจสุขภาพ และปรึกษาแพทย์
ค่า BMI ระหว่าง 25.0 - 29.9 อ้วนในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ถึงเกณฑ์ที่ถือว่าอ้วนมาก ๆ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มากับความอ้วนได้เช่นกัน ทั้งโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ควรปรับพฤติกรรมการทานอาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพ
ค่า BMI ระหว่าง 18.5 - 24.9 เป็นน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคนไทยคือค่า BMI ระหว่าง 18.5-24.9 จัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ห่างไกลโรคที่เกิดจากความอ้วน และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ น้อยที่สุด ควรพยายามรักษาระดับค่า BMI ให้อยู่ในระดับนี้ให้นานที่สุด และควรตรวจสุขภาพทุกปี
ค่า BMI น้อยกว่า 18.5 น้ำหนักน้อยกว่าปกติก็ไม่ค่อยดี หากคุณสูงมากแต่น้ำหนักน้อยเกินไป อาจเสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอหรือได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลียง่าย การรับประทานอาหารให้เพียงพอ และการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อสามารถช่วยเพิ่มค่า BMI ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้
ดัชนีมวลกาย หรือ BMI ย่อมาจาก Body Mass Index เป็นค่าสากลที่ใช้เพื่อคำนวณเพื่อหาน้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น และประมาณระดับไขมันในร่างกายโดยใช้น้ำหนักตัว และส่วนสูง การคำนวณดัชนีมวลกายไม่ใช่การวัดโดยตรงแต่ก็เป็นตัวชี้วัดไขมันในร่างกายที่ค่อนข้างเชื่อถือได้สำหรับคนส่วนใหญ่ ค่า BMI สามารถใช้บ่งบอกความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆได้อีกด้วย เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด ระบบหัวใจ รวมไปถึงมะเร็งบางชนิด
แต่อย่างไรก็ตามค่า BMI เป็นแค่การคำนวณเบื้องต้นเท่านั้น เนื่องจากคุณจำเป็นต้องนำปัจจัยอื่นๆ มาประกอบด้วย ทั้งเรื่องของพันธุกรรม ปริมาณกล้ามเนื้อ พฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต การออกกำลังกาย และอื่นๆ แต่เนื่องจากดัชนีมวลกายมีวิธีคำนวณที่ง่าย จึงทำให้ทุกคนสามารถประเมินความเสี่ยงของตนเอง จากการมีปริมาณไขมันในร่างกายเกินได้
แม้ว่าดัชนีมวลกายจะสัมพันธ์กับการวัดไขมันในร่างกายค่อนข้างมาก แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง โดยขึ้นอยู่กับเพศ อายุ และความสามารถทางกีฬา ข้อจำกัดเหล่านี้ ได้แก่
* ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าผู้ชาย
* คนที่อายุมากกว่ามีแนวโน้มที่จะมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าคนที่อายุน้อยกว่า
* นักกีฬาที่ฝึกฝนมาอย่างดีจะมีดัชนีมวลกายสูงเนื่องจากมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่า ทำให้น้ำหนักตัวที่มากนั้นมาจากมวลกล้ามเนื้อ ไม่ใช่ไขมัน องค์ประกอบของร่างกาย ไขมันในร่างกาย และดัชนีมวลกาย
เหตุผลที่ใช้ดัชนีมวลกายในการคัดกรองสุขภาพของประชากรทั่วไปเนื่องจากการมีน้ำหนักเกินหรืออ้วนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัญหาสุขภาพ การเกิดโรคเรื้อรัง และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรืออ้วนจะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพและโรคต่างๆเพิ่มขึ้น ดังนี้
* โรคข้อเสื่อม
* โรคเบาหวาน
* โรคมะเร็งบางชนิด
* ความดันโลหิตสูง
* โรคหลอดเลือดสมอง
* โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
* โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
1. ค่า BMI จะแปรผันตามน้ำหนักตัว หากน้ำหนักตัวเพิ่มก็จะทำให้ค่า BMI เพิ่มขึ้น ถ้าน้ำหนักตัวลดก็จะทำให้ค่า BMI ลดลงเช่นเดียวกัน
2. ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มปริมาณการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวัน
3. เลือกกินอาหารที่ไขมันไม่สูง หรือทานให้ครบ 5 หมู่
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7 ชั่วโมงต่อวัน
5. หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
6. ปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทาง
1. วางแผนการใช้ชีวิตและกินอาหารให้ครบ 5 หมู่
2. วางแผนออกกำลังกาย เป็นประจำสม่ำเสมอ
3. วางแผนเก็บเงิน เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี
4. วางแผนซื้อประกันภัยสุขภาพ กรณีล้มป่วยฉุกเฉิน
5. วางแผนปรับสมดุลเรื่องงาน ลดความเครียด
6. วางแผนลดนอนดึก เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน
7. วางแผนเลี่ยงหรือลด การสูบบุหรี่
8. วางแผนลดปาร์ตี้กลางคืน และดื่มหนักๆ
* ค่อยๆเลี่ยง ค่อยๆลด ให้ร่างกายค่อยๆฟื้นและปรับสมดุล
เตือนภัย มีคนเสียชีวิตด้วยโรคแอนแทรกซ์ ในพื้นที่อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร 1 ราย
เตือนภัย! มีคนเสียชีวิตด้วยโรคแอนแทรกซ์ ในพื้นที่อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร 1 ราย มีประวัติสัมผัสวัว ควาย ตามวิถีชาวบ้าน และล่าสุดกินเนื้อวัวดิบในงานบุญฯ เห็นว่ากินกันหลายคน แต่โชคดีที่รู้แล้วว่าเป็นแอนแทรกซ์รายต่อๆไปน่าจะรักษาได้ตรงจุดได้ไว . โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย ‘บาซิลลัส แอนทราซิส’ (Bacillus anthracis) มันสามารถสร้างสปอร์ทนทานสภาพแวดล้อมได้นานเป็นสิบปี อยู่ตามดิน พืชผัก หรือซากสัตว์ที่ปนเปื้อนสปอร์ พอมีโอกาสก็แฝงตัวเข้าสู่คนทาง 3 ทางหลัก . 1. แอนแทรกซ์ผิวหนัง (Cutaneous Anthrax) - พบมากที่สุด (95% ของผู้ติดเชื้อ) - อาการ: เริ่มจากตุ่มคัน กลายเป็นแผลสีดำ (eschar) มีเนื้อตายล้อมด้วยวงบวมแดง - อัตราตาย: น้อยกว่า 1% ถ้ารีบรักษาทัน . 2. แอนแทรกซ์ระบบหายใจ (Inhalational Anthrax) - อันตรายที่สุด! เกิดจากการสูดสปอร์เข้าไป - อาการระยะแรก คล้ายไข้หวัดใหญ่ ไข้สูง ไอ เหนื่อย แล้วไประยะช็อกทำให้หายใจลำบาก ตัวเขียว โลหิตเป็นพิษ - อัตราตาย: สูงกว่า 80% ถ้ารักษาช้า . 3. แอนแทรกซ์ทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Anthrax) - ติดเชื้อจากการกินเนื้อสัตว์ป่วยที่ไม่สุก - อาการ: ปวดท้องรุนแรง อาเจียน ถ่ายเป็นเลือดสีดำ - อัตราตาย: 25-60% . อย่าลืมนะครับ เน้นกินสุก 100% และถ้าไปเจอสัตว์ตายโดยไม่รู้สาเหตุอย่าเอามาชำแหละกินกัน ถ้าพบสัตว์ตายผิดปกติรีบหนีให้ห่าง และให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที . ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก หมอแล็บแพนด้า
กรมควบคุมโรค เตือนเข้าสู่กดูร้อน กลุ่มเสี่ยงและ คนทำงานกลางแจ้งระวัง โรคลมร้อนหรือฮีสโตรก
กรมควบคุมโรค เตือนเข้าสู่กดูร้อน กลุ่มเสี่ยงและ คนทำงานกลางแจ้งระวัง โรคลมร้อนหรือฮีสโตรก . กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนในช่วงฤดูร้อนให้ระวังการเกิดโรคลมร้อน หรือฮีทสโตรก (Heatstroke) สำหรับคนที่ทำงานกลางแจ้ง ควรเลี่ยงการสวมชุดที่มีสีเข้ม ควรดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ เข้าพักในที่ร่มเป็นระยะ และหากสูญเสียเหงื่อมาก ควรดื่มเครื่องดื่มประเภทเกลือแร่ เน้นย้ำโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคปอด เป็นต้น อาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ รวมถึงเด็กและหญิงตั้งครรภ์ ต้องระมัดระวังเช่นกัน . วันนี้ (18 มีนาคม 2568) นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยในหลายพื้นที่เริ่มมีอากาศร้อนปกคลุม ซึ่งกรมอุตุฯ คาดการณ์ว่าอุณหภูมิปีนี้จะลดลงกว่าปีก่อนเล็กน้อย ซึ่งอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้ประชาชนเสี่ยงต่อการป่วย จากภาวะอากาศร้อนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะโรคลมร้อน หรือ ฮีทสโตรก (Heatstroke) ที่เกิดจากภาวะที่ร่างกายร้อนจัดจนส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย และเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ข้อมูลจาก กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รวบรวมรายงานการเสียชีวิตที่อาจจะเกี่ยวข้องกับความร้อน จากภาวะอากาศร้อนในปี พ.ศ. 2567 พบรายงานผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 63 ราย เป็นเพศชาย 54 ราย และเพศหญิง 9 ราย อายุระหว่าง 30 – 95 ปี (เฉลี่ย 62 ปี) ประกอบอาชีพรับจ้าง ร้อยละ 25 มีรายงานการเสียชีวิตใน 31 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี 9 ราย ชัยภูมิ นครราชสีมา และศรีสะเกษ จังหวัดละ 4 ราย ขอนแก่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ และสมุทรสงคราม จังหวัดละ 3 ราย ชลบุรี ชัยนาท ปราจีนบุรี แพร่ ลำปาง ลำพูน และสุราษฎร์ธานี จังหวัดละ 2 ราย ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ นครนายก นครศรีธรรมราช น่าน ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา พะเยา มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ระยอง สมุทรปราการ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี จังหวัดละ 1 ราย . “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องจากภาวะอากาศร้อนสูงที่สุด ร้อยละ 54 นอกจากนี้ ผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ร้อยละ 51 ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจและหลอดเลือด พฤติกรรมและปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การดื่มสุราในภาวะอากาศร้อน และการเสียชีวิตจากการปฏิบัติงานกลางแจ้ง ร้อยละ 62 หากจำแนกรายเดือน พบว่า มีรายงานการเสียชีวิตมากที่สุดในเดือนเมษายน ร้อยละ 70 ซึ่งเดือนเมษายน เป็นเดือนที่มีอุณหภูมิสูงถึง 44 องศาเซลเซียส (°C)” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว . นายแพทย์ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลโรคลมร้อน หรือ ฮีทสโตรก (Heatstroke) ว่าโรคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีอุณหภูมิความร้อนสูงมาก โดยเฉพาะอุณหภูมิที่มากกว่า 40 องศาเซลเซียส จนทำให้ร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ มีอาการ คือ ตัวร้อน วิงเวียน ปวดมึนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ภาวะขาดน้ำ เหงื่อออกมาก หัวใจเต้นแรง เป็นลม อาจมีอาการทางระบบประสาท เช่น ชัก พูดจาสับสน หากพบผู้เริ่มมีอาการดังกล่าว ขอให้รีบนำผู้ป่วยเข้าที่ร่มหรือห้องที่มีความเย็น และให้ดื่มน้ำมากๆ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้ผู้ป่วยนอนราบ คลายเสื้อผ้าให้หลวม ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัว ซอกคอ รักแร้ และศีรษะ ร่วมกับใช้พัดลมเป่าระบายความร้อน หากผู้ป่วยหมดสติ ให้จับนอนตะแคงเพื่อป้องกันไม่ให้โคนลิ้นอุดตันทางเดินหายใจ และให้รีบนำส่งโรงพยาบาล หรือโทรแจ้งสายด่วน 1669 . ทั้งนี้ สามารถป้องกันฮีทสโตรกได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคอ้วน เป็นต้น รวมทั้งเด็ก และหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งควรปฏิบัติดังนี้ 1. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีแดดจัดต่อเนื่องนานเกินไป 2. ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ หากสูญเสียเหงื่อมากควรดื่มเครื่องดื่มประเภทเกลือแร่ 3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 4. หลีกเลี่ยงสถานที่ที่อากาศร้อน อับ และถ่ายเทไม่ดี 5. สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงใส่เสื้อผ้าสีทึบดำ เพราะจะสะสมความร้อนได้ ควรเลือกเสื้อผ้าสีอ่อน และไม่รัดแน่นจนเกินไป 6. ห้ามทิ้งใครไว้ในรถที่จอดอยู่กลางแดด โดยเฉพาะเด็กเล็ก รถที่จอดตากแดดโดยไม่เปิดเครื่องปรับอากาศอาจมีอุณหภูมิสูงขึ้นได้เร็วมากภายใน 10 – 20 นาที และ 7. ไม่ควรอยู่กลางแจ้งคนเดียว ควรอยู่เป็นกลุ่ม เพราะหากมีอาการผิดปกติจะได้มีคนช่วยเหลือได้ทัน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 . ข้อมูลจาก : กองระบาดวิทยา/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค วันที่ 18 มีนาคม 2568
ฤดูร้อนอยู่ที่นี่ คำเตือนที่เป็นไปได้สำหรับความร้อนสูงเกินไปคือ จังหวะความร้อนร่างกายไม่สามารถเย็นลงได้ทันเวลา เขาอาจจะหมดสติและเสียชีวิตได้
ฤดูร้อนอยู่ที่นี่ คำเตือนที่เป็นไปได้สำหรับความร้อนสูงเกินไปคือ จังหวะความร้อนร่างกายไม่สามารถเย็นลงได้ทันเวลา เขาอาจจะหมดสติและเสียชีวิตได้ ช่วงนี้อากาศเมืองไทยร้อนมาก อากาศร้อนขนาดไหน? คนแบบนี้สามารถถูกฆ่าได้ ไม่ค่อยพบเห็นในเมืองไทย แต่คุณควรตระหนักถึงสถานการณ์นี้ โรคลมแดดหรือโรคลมแดดมีสาเหตุหลักมาจากความร้อนในร่างกายมากเกินไป ช่องพระราม วันนี้ใครๆ ก็ควรรู้วิธีจัดการกับความร้อนจนกว่าร่างกายจะคลายความร้อนได้ โรคลมแดด หรือ โรคลมแดด เกิดจากอุณหภูมิสูงเกินไป ความร้อนสูงเกินไปสามารถแบ่งออกได้เป็นสองสาเหตุ 1. เมตาบอลิซึ่มในร่างกายสูงทำให้เกิดไข้ในกรณีที่อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น หรืออาจมีความผิดปกติในสมองซึ่งร่างกายไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อีกต่อไป 2. ในฤดูร้อน มักพบในสภาวะที่มีอุณหภูมิภายนอก 35°C ขึ้นไป 3. สภาพแวดล้อมมีความชื้นสัมพัทธ์สูง ความชื้นสัมพัทธ์สูงทำให้ร่างกายของเราเหงื่อออก จะเพิ่มความร้อนในร่างกายและไม่สามารถกำจัดอุณหภูมิร่างกายได้ อาการที่เกิดจากความร้อนแบ่งออกเป็นหลายระยะ ฉันมักจะรู้สึกเหนื่อยเนื่องจากปวดเมื่อยตามร่างกาย โรคลมแดดเป็นอาการทั่วไปของการหมดสติและหมดสติ นี่คือสัญญาณของโรคลมแดดที่ชัดเจนที่สุด ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา คนกลุ่มไหนเป็นโรคลมแดด? 1. กลุ่มคนทำงานนอกบ้านและอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2. ผู้สูงอายุหรือเด็กที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เนื่องจากถูกขังอยู่ในห้องที่ไม่มีอากาศถ่ายเท ไม่มีลมพัดพาความร้อน จะต้องสัมผัสกับอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน สุดท้ายฉันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป แล้วจะทนความร้อนได้ สิ่งนี้เกิดขึ้นในผู้สูงอายุ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “ภาวะขาดน้ำ : ผู้สูงอายุต้องระวัง” 3. นักกีฬาอย่างนักวิ่งมาราธอนต้องเผชิญกับอากาศร้อนจัด หรือมีความชื้นสูงสามารถป้องกันไม่ให้เหงื่อออกได้ มันทำให้ไวต่อความร้อนมากกว่าตัวอื่น 4. ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงแต่กำเนิด ควรใช้ยาขับปัสสาวะ 5. ผู้ติดสุรามีแนวโน้มที่จะเป็นโรคลมแดดมากกว่าคนทั่วไป 6. สตรีมีครรภ์อาจเป็นลมและเป็นอันตรายต่อตนเองและทารกได้ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุณหภูมิในหญิงตั้งครรภ์ ดูแลและป้องกันความร้อน 1. ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติประมาณ 2-3 ลิตรต่อวัน 2. ห้ามอยู่กลางแจ้งหรือในพื้นที่ปิด 3.หากต้องอยู่บ้านนานๆควรเปิดหน้าต่าง ต้องแยกกรณีอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ 2 กรณี คือ ผู้ป่วยหมดสติและไม่หายใจ 1,669 ราย และเรียกบริการการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อรักษาผู้ป่วยอย่างรวดเร็วและทำ CPR ณ ที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยยังสามารถหายใจได้ ให้ร่มเงาแก่ผู้ป่วยและแต่งตัวผู้ป่วย เช็ดตัวเองด้วยผ้าเย็น หรือใช้สเปรย์ทำความเย็น เข้ากันได้กับพัดลมบน ข้อมูลจากประชาชาติธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมสุขภาพไทย
คุณหมอเจดเองเตือนว่าแม้แต่การกรนก็อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ ระบุโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ มาดูวิธีการแก้ไขกัน บางคนอาจคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่
คุณหมอเจดเองเตือนว่าแม้แต่การกรนก็อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ ระบุโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ มาดูวิธีการแก้ไขกัน บางคนอาจคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพ - นพ.เจส บุณย์วงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เปิดเผยว่า แค่กรนเท่านั้น เฟซบุ๊ก นพ. Kyaukjai กล่าว โรคไหนอันตราย? มาดูวิธีการแก้ไขกัน - การนอนกรนเป็นสิ่งที่หลายคนนึกถึง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ใครๆ ก็กรน แต่จริงๆ แล้วมันเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่อันตรายมากกว่าที่คุณคิด เมื่อก่อนหนัก 110 กก. ต้องนอนเปิด CPAP แต่ตอนนี้อาการกรนหายแล้ว มาดูอันตรายของการนอนกรนกันดีกว่า แล้วเรามาดูวิธีการแก้ไขกัน - 1. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) นอกจากจะสับสนเรื่องการนอนแล้ว นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) ซึ่งเกิดจากการหายใจลำบากขณะนอนราบ ทำให้หยุดหายใจเป็นระยะๆ บางคนหยุดหายใจ 10-30 วินาที แล้วตื่นขึ้นมาเพื่อเริ่มหายใจอีกครั้ง ฉันไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งนี้ - แล้วอันตรายอยู่ที่ไหนล่ะ? เมื่อออกซิเจนในเลือดน้อยลง หัวใจก็ต้องทำงานหนักขึ้น โรคอะไรก็มาได้ บางคนตื่นขึ้นมาในตอนเช้าโดยรู้สึกเหนื่อยและง่วงนอนแม้จะนอนไปเต็มชั่วโมงแล้วก็ตาม - ใครบ้างที่เสี่ยงต่อ OSA? • ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือมีไขมันสะสมบริเวณคอ ผู้ที่มีคางเล็กหรือรูปหน้าทำให้ทางเดินหายใจตีบตัน นักดื่มผ่อนคลายกล้ามเนื้อคอก่อนเข้านอน - 2. ความดันโลหิตสูง (ความดันโลหิตสูง) เค็มมาก หลายๆ คนอาจจะทราบดีว่าอาหารที่มีไขมันหรือมันๆ สามารถเพิ่มความดันโลหิตได้ แต่นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผู้คนไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ การนอนกรนเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของความดันโลหิตที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? เมื่อเราคำราม ร่างกายจะเข้าสู่โหมดสลีป โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) “ขาดออกซิเจน” เป็นระยะๆ - สิ่งนี้ทำให้สมองและร่างกายตื่นตัวตลอดทั้งคืน แม้ว่าเราจะไม่รู้ก็ตาม ร่างกายจะต้องเป็นความลับ สิ่งต่างๆ เช่น ฮอร์โมนความเครียด อะดรีนาลีนและคอร์ติซอลกระตุ้นการหายใจ ฮอร์โมนเหล่านี้ทำให้เกิด หลอดเลือดตีบตัน ความดันโลหิตสูง กรนเสียงดังและหายใจไม่ออกบ่อยครั้ง แรงกดดันก็สูงขึ้น หากคุณกรน? กินอาหารที่ไม่ดีด้วย อันนี้ใหญ่ ทั้งสองจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ เสี่ยงต่อการตกเลือดในสมอง นอกจากนี้ไตยังทำงานหนักอีกด้วย เสี่ยงต่อภาวะไตวายอย่างรวดเร็ว - 3. อาการบวมน้ำที่ปอด หากเรากรนหนัก เราจะมีอาการหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) เป็นเวลานาน มันสามารถทำลายปอดของเราได้ ส่งผลให้มีน้ำท่วมปอด เพราะมันจะเกิดขึ้นเมื่อคุณหยุดหายใจ ออกซิเจนในเลือดจะลดลง - ร่างกายต้องพยายามชดเชยด้วยการเพิ่มความดันโลหิตไปที่ปอด ความดันโลหิตสูงในปอดสะสมและความดันในปอดสูงอาจทำให้เกิดได้ น้ำจากเส้นเลือดฝอยในปอดสามารถซึมเข้าไปในถุงลมทำให้เกิดโรคปอดบวมได้ - 4. สุขภาพจิตเสื่อมลง เสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า นอนกรนหรือหายใจขณะหลับ รบกวนการนอนหลับ หลายคนเคยประสบปัญหานี้ นอนหลับไม่ดี คุณจะรู้สึกหงุดหงิด การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ สมองก็หมองคล้ำ เครียดง่าย ฉันไม่มีสมาธิอีกต่อไป เนื่องจากร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูพลังงานได้เต็มที่ เมื่อคุณตื่นขึ้นมา ดังที่ได้กล่าวไปแล้วคุณจะพบกับ ก็มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน - ปัญหาใหญ่อีกประการหนึ่งคือการกรน ซึ่งหมายความว่าคนข้างๆ นอนไม่หลับ ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ บางคนทะเลาะกัน บางคนมีห้องนอนแยกแบบนี้ แต่โชคดีที่ภรรยาผมเป็นคนหลับง่ายและไม่รังเกียจ หากใครนอนกรนต้องรีบแก้ไข วิธีแก้ปัญหาการนอนกรน? ลองปรับพฤติกรรมของคุณดังนี้ - • ควบคุมน้ำหนักของคุณ ถ้าอ้วนก็ลดน้ำหนักก่อน • นอนตะแคงเพื่อลดความเสี่ยงที่ลิ้นจะหลุดและไปปิดกั้นทางเดินหายใจ • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้านอน แอลกอฮอล์ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อในลำคอ • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เสริมสร้างกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ • ใช้ยาสูดพ่น CPAP ทุกคนที่มีปัญหา OSA รุนแรงโดยใช้เครื่องนี้ควรปรึกษาแพทย์ • พบแพทย์และตรวจสุขภาพเป็นประจำ • หากคุณกรนหนักหรือมีอาการนอนไม่หลับ คุณควรได้รับการทดสอบการนอนหลับ - ดังนั้นปล่อยมันไว้ที่นี่
หมอแล็บเตือน "โรคไข้อีดำอีแดง" มักพบในเด็ก 5 15 ปี
หมอแล็บเตือน "โรคไข้อีดำอีแดง" มักพบในเด็ก 5-15 ปี ระบาดหนักในกลุ่มเด็กนักเรียน . ไข้อีดำอีแดงระบาด บางโรงเรียนต้องหยุดเรียน! . ไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย สเตรปโตคอคคัสชนิดเอ มักจะเจอในเด็กวัยเรียน อายุ 5-15 ปี . แบคทีเรียชนิดนึ้สร้างสารพิษได้ ทำให้เกิดผื่นแดงขึ้นตามตัว เชื้อนี้สามารถติดต่อผ่าน: • การไอหรือจาม • การสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก • การใช้ของร่วมกัน เช่น ของเล่น หรือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ อาการ ผู้ป่วยมักจะแสดงอาการภายใน 1 สัปดาห์หลังติดเชื้อ • มีไข้สูง • เจ็บคอ อาจมีหนองหรือจุดเลือดออกที่ต่อมทอนซิล • ผื่นแดงสากคล้ายกระดาษทราย เริ่มจากลำตัวและกระจายไปแขนขา มักไม่ขึ้นที่ใบหน้า แต่แก้มจะแดงและมีวงซีดรอบปาก • ลิ้นแดงเป็นปุ่มๆคล้ายสตรอเบอร์รี่ • อาการอื่น ๆ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น และปวดท้อง เนื่องจากเป็นเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ซึ่งถ้าไม่รักษาอาจเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น โรคไข้รูมาติก หรือหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันได้ . ถ้าพบการระบาดก็ควรให้หยุดเรียนหรือแยกตัวเด็กป่วยออกจากคนอื่นจนกว่าได้ยาปฏิชีวนะไปแล้วอย่างน้อย 24 ชั่วโมงจึงจะไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่นต่อไปนะครับ
กรมการจัดหางาน เร่งช่วยเหลือแรงงานทุกกลุ่ม หลังเหตุแผ่นดินไหว
อธิบดี “สมชาย” เผย เดินหน้าเต็มที่ตามข้อสั่งการ “พิพัฒน์” รมว.แรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า จากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 กรมการจัดหางานขอแสดงความห่วงใยต่อแรงงานทุกคนที่ได้รับผลกระทบ และพร้อมดำเนินมาตรการช่วยเหลือตามข้อสั่งการของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานทันที โดยเน้นดูแลแรงงานทุกมิติ ทั้งแรงงานไทยในประเทศ แรงงานไทยในต่างประเทศ และแรงงานต่างชาติ ในประเทศไทย มาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศ • ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0% สำหรับผู้กู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน • ส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ และจัดหางานให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง แรงงานไทยในประเทศเมียนมา (สมาชิกกองทุนฯ) • เดินทางกลับก่อนกำหนด (กรณีภัยพิบัติ): ช่วยเหลือรายละ 15,000 บาท • ทุพพลภาพ (มีใบรับรองแพทย์): ช่วยเหลือรายละ 30,000 บาท • เสียชีวิตในต่างประเทศ: ช่วยเหลือรายละ 40,000 บาท • ค่าจัดการศพในต่างประเทศ: ชดเชยตามจริงไม่เกิน 40,000 บาท แรงงานต่างชาติในประเทศไทย - อำนวยความสะดวกในการออกหลักฐานทดแทนกรณีใบอนุญาตทำงานสูญหาย - ติดตามช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้ กรณีอยู่ในระบบประกันสังคม • กรณีบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาล รพ.รัฐ ไม่เกิน 65,000 บาท รพ.เอกชน ไม่เกิน 1,000,000 บาท • กรณีตาย หรือสูญหาย ค่าทำศพ 50,000 บาท ค่าทดแทนรายเดือนร้อยละ 70 ของค่าจ้าง (สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาท) ระยะเวลา 10 ปี • กรณีสูญเสียอวัยวะหรือสมรรถภาพในการทำงาน ได้รับร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี • กรณีทุพพลภาพได้รับร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ไม่เกิน 14,000 บาทต่อเดือน ตลอดชีวิต • กรณีฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงาน ภายหลังการประสบอันตรายสำหรับลูกจ้างจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข กรณีซื้อประกันสุขภาพ (บริษัทประกันเอกชน) • ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน (อุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย): สูงสุด 150,000 บาท • ค่ารักษาผู้ป่วยนอก: ไม่เกิน 15 ครั้งต่อปี / ครั้งละ 1,000 บาท • กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรจากอุบัติเหตุ: ชดเชย 100,000 บาท ทั้งนี้ แรงงาน นายจ้าง และสถานประกอบการ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด / สำนักงานจัดหางานกรุงเทพฯ พื้นที่ 1–10
เช็กมาตรการช่วยเหลือ นายจ้าง ลูกจ้าง ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว
เช็กมาตรการช่วยเหลือ นายจ้าง-ลูกจ้าง ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว . เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานประกอบกิจการหลายแห่งและลูกจ้างได้รับผลกระทบ โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใยและเร่งให้ความช่วยเหลือแรงงานทุกกลุ่มอย่างเร่งด่วน . พร้อมทั้งกำชับให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เร่งสำรวจสถานประกอบกิจการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้และให้ความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อบรรเทาผลกระทบและให้ทุกฝ่ายสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างปกติและฟื้นฟูกิจการได้โดยเร็ว เรือเอก สาโรจน์ กล่าวต่อไปว่า กสร. ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ . มาตรการช่วยเหลือแผ่นดินไหว จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของทุกฝ่ายกฎหมาย ดังนี้ 1. สถานประกอบกิจการได้รับความเสียหายจนต้องปิดกิจการหรือมีความจำเป็นในการเลิกจ้างลูกจ้าง จะต้องจ่ายค่าจ้างถึงวันทำงานวันสุดท้าย หรือวันปิดกิจการและจ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้างตามอายุงาน รวมถึงค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ากรณีไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า 2. กรณีที่ไม่ปิดกิจการแต่มีความจำเป็นต้องหยุดกิจการชั่วคราว ลูกจ้างจะได้รับค่าตอบแทนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของค่าจ้าง หากลูกจ้างไม่ได้รับสิทธิในกรณีดังกล่าว สามารถยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หรือยื่นคำฟ้องต่อศาลแรงงานได้ และหากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน ลูกจ้างยังสามารถยื่นขอรับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด 3. กสร. ยังได้จัดเตรียมมาตรการเพื่อช่วยเหลือนายจ้างหรือสถานประกอบกิจการ ดังนี้ 3.1 สถานประกอบกิจการที่ต้องการปรับปรุงความปลอดภัยในการทำงานภายหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เช่น บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้า เครื่องจักร และปั้นจั่น 3.2 บริการวงเงินกู้จากกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานได้ โดยไม่จำกัดวงเงินและอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 2 ต่อปี พร้อมระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี สอบถามโทร 0 2448 9128-9 ต่อ 801-808 . 4. มาตรการช่วยเหลือลูกจ้างในสถานประกอบกิจการที่มีสหกรณ์ออมทรัพย์ สามารถขอกู้เงินจากกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานได้ในวงเงิน 20 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี และมีระยะเวลาผ่อนชำระ 5 ปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 0 2660 2180 หรือสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครทุกพื้นที่ หรือโทรสายด่วน 1506 กด 3 สายด่วน 1546 ขอบคุณข้อมูลจาก:กรุงเทพธุรกิจ
กรมการจัดหางาน เร่งช่วยเหลือแรงงานทุกกลุ่ม หลังเหตุแผ่นดินไหว
กรมการจัดหางาน เร่งช่วยเหลือแรงงานทุกกลุ่ม หลังเหตุแผ่นดินไหว . อธิบดี “สมชาย” เผย เดินหน้าเต็มที่ตามข้อสั่งการ “พิพัฒน์” รมว.แรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า จากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 กรมการจัดหางานขอแสดงความห่วงใยต่อแรงงานทุกคนที่ได้รับผลกระทบ และพร้อมดำเนินมาตรการช่วยเหลือตามข้อสั่งการของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานทันที โดยเน้นดูแลแรงงานทุกมิติ ทั้งแรงงานไทยในประเทศ แรงงานไทยในต่างประเทศ และแรงงานต่างชาติ ในประเทศไทย มาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศ • ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0% สำหรับผู้กู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน • ส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ และจัดหางานให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง แรงงานไทยในประเทศเมียนมา (สมาชิกกองทุนฯ) • เดินทางกลับก่อนกำหนด (กรณีภัยพิบัติ): ช่วยเหลือรายละ 15,000 บาท • ทุพพลภาพ (มีใบรับรองแพทย์): ช่วยเหลือรายละ 30,000 บาท • เสียชีวิตในต่างประเทศ: ช่วยเหลือรายละ 40,000 บาท • ค่าจัดการศพในต่างประเทศ: ชดเชยตามจริงไม่เกิน 40,000 บาท แรงงานต่างชาติในประเทศไทย - อำนวยความสะดวกในการออกหลักฐานทดแทนกรณีใบอนุญาตทำงานสูญหาย - ติดตามช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้ กรณีอยู่ในระบบประกันสังคม • กรณีบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาล รพ.รัฐ ไม่เกิน 65,000 บาท รพ.เอกชน ไม่เกิน 1,000,000 บาท • กรณีตาย หรือสูญหาย ค่าทำศพ 50,000 บาท ค่าทดแทนรายเดือนร้อยละ 70 ของค่าจ้าง (สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาท) ระยะเวลา 10 ปี • กรณีสูญเสียอวัยวะหรือสมรรถภาพในการทำงาน ได้รับร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี • กรณีทุพพลภาพได้รับร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ไม่เกิน 14,000 บาทต่อเดือน ตลอดชีวิต • กรณีฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงาน ภายหลังการประสบอันตรายสำหรับลูกจ้างจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข กรณีซื้อประกันสุขภาพ (บริษัทประกันเอกชน) • ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน (อุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย): สูงสุด 150,000 บาท • ค่ารักษาผู้ป่วยนอก: ไม่เกิน 15 ครั้งต่อปี / ครั้งละ 1,000 บาท • กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรจากอุบัติเหตุ: ชดเชย 100,000 บาท ทั้งนี้ แรงงาน นายจ้าง และสถานประกอบการ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด / สำนักงานจัดหางานกรุงเทพฯ พื้นที่ 1–10 . ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการจัดหางาน
“พิพัฒน์” ย้ำ! ไม่เก็บค่าธรรมเนียม แรงงานกัมพูชา ลาว เมียนมา เดินทางกลับประเทศต้นทาง สงกรานต์นี้ เดินทางสะดวก ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
“พิพัฒน์” ย้ำ! ไม่เก็บค่าธรรมเนียม แรงงานกัมพูชา-ลาว-เมียนมา เดินทางกลับประเทศต้นทาง สงกรานต์นี้ เดินทางสะดวก ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม . วันที่ 18 มีนาคม 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประกาศมาตรการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศต้นทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยรัฐบาลไทยผ่อนผัน ไม่เก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่แรงงาน . นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า มติในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 เห็นชอบให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่ทำงานถูกต้องตามกฎหมาย สามารถเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 15 พฤษภาคม 2568 เพื่อร่วมประเพณีสงกรานต์ ได้โดยไม่ต้องยื่นคำขออนุญาตเพื่อกลับเข้ามาในราชอาณาจักร (Re-Entry Permit) ถือเป็นมาตรการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในไทยให้ได้รับความสะดวกและสามารถเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัวโดยไม่มีภาระเพิ่มเติมการผ่อนผันดังกล่าวเป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวที่ถูกต้องเพื่อให้แรงงานข้ามชาติที่ทำงานในไทยสามารถเดินทางกลับประเทศได้โดยสะดวก และสามารถกลับเข้ามาทำงานต่อหลังสิ้นสุดเทศกาลโดยไม่มีอุปสรรค . “แรงงานข้ามชาติเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจไทย รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการดูแลสิทธิแรงงาน และอำนวยความสะดวกให้สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมเป็นการช่วยเหลือแรงงานที่อยู่ในระบบให้ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่” นายพิพัฒน์ กล่าว . ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ระยะเวลาการผ่อนผันจะมีผลต่อเมื่อประกาศกระทรวงมหาดไทยมีผลบังคับใช้ หรือเป็นไปตามที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยกำหนด แรงงานที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศ ขอให้ติดตามข่าวสารจากกรมการจัดหางานอย่างใกล้ชิด ที่เว็บไซต์ กรมการจัดหางาน doe.go.th หรือสอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน1694
“พิพัฒน์” เล็งแก้ กม. นำแรงงานต่างด้าว เข้าระบบประกันสังคม ม.33
“พิพัฒน์” เล็งแก้ กม. นำแรงงานต่างด้าว เข้าระบบประกันสังคม ม.33 . นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนารับฟังความคิดเห็น “การแก้ไขกฎหมายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่มีความเชื่อมโยงกับความมั่นคงและกิจการชายแดนของประเทศ” จัดโดย กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรว่า ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้นำเสนอข้อกฎหมายหลายเรื่อง โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว ทั้งชาวเมียนมา กัมพูชา ลาว และ เวียดนาม ซึ่งขณะนี้เกินกำหนดเวลาในการต่อใบอนุญาต ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา . ในส่วนของประเทศกัมพูชาใช้ระบบการต่อใบอนุญาตโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกระทรวงแรงงานพยายามทำทุกอย่างให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพราะจะได้มีการตรวจสอบง่ายขึ้น ส่วนประเทศเมียนมาขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือน จากที่รัฐบาลเมียนมาเปลี่ยน รมว.แรงงาน จึงมีความไม่ชัดเจนของกระบวนการต่อใบอนุญาต หากในระยะเวลา 6 เดือนยังไม่จบก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขยายระยะเวลาต่อไป นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่กำลังหารือ โดยเฉพาะเรื่องประกันสังคมที่มีการทำประชาพิจารณ์เรื่องข้อยกเว้นอาชีพต่าง ๆ ของต่างด้าว เช่น หาบเร่ แม่บ้าน เกษตรกร ที่เป็นข้อยกเว้นของประกันสังคมเราจะนำเข้าสู่ระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 เพื่อให้มีความสะดวกในสิทธิรักษาพยาบาลและการอยู่ในประเทศไทย เมื่อเกษียณอายุและต้องเดินทางกลับ ก็จะได้รับเงินบำนาญตามระเบียบหรือกฎหมายของประกันสังคม ตอนนี้กระทรวงแรงงานได้นำเรื่องเข้าสู่ ครม.แล้วเหลือเพียงรอการบรรจุเท่านั้น . รมว.แรงงาน กล่าวว่า การที่แรงงานไทยมีไม่เพียงพอถือเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจ อย่างผู้ที่ทำเกษตรกร หากเก็บผลผลิตไม่ทันเจ้าของสวนก็จะขาดทุน กระทรวงแรงงานเราทำทุกสิ่งทุกอย่าง อะไรที่สามารถอำนวยความสะดวกและตอบสนอง ขอให้คณะ กมธ.ชุดนี้มาหารือกับกระทรวงแรงงาน อะไรที่ กมธ.ต้องการเร่งด่วน และต้องการนำเสนอเข้า ครม.เราจะต้องคุยและเดินหน้าพร้อมกัน เพื่อผลประโยชน์ประเทศของเรา ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ . ส่วนการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม อยู่ระหว่างเร่งนำเสนอครม. เพื่อปรับแก้การให้อำนาจ รมว.แรงงาน แต่งตั้งคณะกรรมการประกันสังคม หากเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม.ขั้นต่อไปก็สามารถแก้ไขในชั้น กมธ.ได้ ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักข่าวอินโฟเควสท์
18/4/2567
18/6/2567
กำลังพิจารณา
กำลังพิจารณา
เอกสารแสดงเจตฯจำนงค์หาผู้รับเหมา เสนอราคาดัดแปลงอาคาร บริษัท บริษัท เออีซี เมดิคอลเซ็นเตอร์ จำกัด มีความประสงค์หาผู้รับเหมาก่อสร้างเสนอราคา ดัดแปลงอาคาร ตั้งอยู่เลขที่ 5/107 หมู่ที่ 1 ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี รหัสไปรษณีย์ 20000 เพื่อใช้ประกอบกิจการเป็นโรงพยาบาล ที่เป็นไปตามข้อกำหนดของ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข โดยผู้เสนอราคาต้องมีคุณสมบัติหรือข้อกำหนดของบริษัท เออีซีฯ ตามนี้ 1.เป็นบริษัทจำกัด มีสัญชาติไทย และได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาไม่น้อยกว่า 5 ปี มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 10,000,000บาท (สิบล้านบาทถ้วน) และมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างอาคารตามหนังสือรับรองบริษัท 2.ต้องแสดงหรือนำเสนอผลงานที่ผ่านมา มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 5,000,000บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) ต่อโครงการ หากเคยรับงานก่อสร้างโรงพยาบาลมาก่อนจะได้รับการพิจรณาเป็นพิเศษ 3.ต้องไม่เคยมีประวัติการทิ้งงาน ทำงานล่าช้าไม่เสร็จตามสัญญา หรือ ทำงานไม่เป็นไปตามมาตรฐาน จนส่งผลต่อการใช้สอยอาคาร 4.ต้องมีและแสดงถึงฐานะทางการเงิน หรือ Supply Chain ที่มีความน่าเชื่อถือ 5.ต้องมีผู้รับผิดชอบควบคุมงาน และ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป) ตลอดเวลาในการดำเนินงาน 6.ต้องดูแลรักษาความสะอาดอาคารและบริเวณก่อสร้าง 7.ผู้เสนอราคาต้องแสดงรายละเอียดของวัสดุที่ใช้ (BOQ) เช่น ชนิด,ยี่ห้อ,และจำนวนที่ใช้ แนบมาพร้อมใบเสนอราคา 8.ผลการตัดสินของคณะกรรมการบริษัท เออีซีฯ จะเป็นข้อสรุปและถือเป็นข้อยุติ สนใจนัดหมายเข้าดูพื้นที่ได้ทุกวัน โทร 081 499 9970 (คุณกมล) และส่งเอกสารเสนอราคาได้ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2567
17/3/2567
18/4/2567
กำลังพิจารณา
กำลังพิจารณา
ยื่นเสนอราคาและรายละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณา ด้วยตนเองที่โรงพยาบาลเออีซี หรือ ส่งอีเมล์มาที่ aecaechospital@gmail.com หรือ ติดต่อสอบถามทุกช่องทาง
12/2/2567
20/3/2567
บจก.เว็บผึ้งงาน
20/3/2567
AECH-1
จ้างพัฒนาระบบเว็บไซต์โรงพยาบาล
100,000.00
[ ประกาศผลผู้ชนะแล้ว ]
ยื่นเสนอราคาและรายละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณา ด้วยตนเองที่โรงพยาบาลเออีซี หรือ ส่งอีเมล์มาที่ aecaechospital@gmail.com