เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อยืนยันนัดหมาย
Body Mass Index (BMI) คือ ค่าดัชนีที่ใช้ชี้วัดความสมดุลของน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) และส่วนสูง (เซนติเมตร) ซึ่งสามารถระบุได้ว่า ตอนนี้รูปร่างของคนคนนั้นอยู่ในระดับใด ตั้งแต่อ้วนมากไปจนถึงผอมเกินไป
เหตุผลที่ใช้ดัชนีมวลกายในการคัดกรองสุขภาพของประชากรทั่วไปเนื่องจากการมีน้ำหนักผอมหรืออ้วนเกินไปนั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัญหาสุขภาพ การเกิดโรคเรื้อรัง... และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
สูตรคำนวณนี้ เหมาะสำหรับใช้ประเมินผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เพื่อดูอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ตรวจสอบภาวะไขมันและความอ้วน
ดังนั้นการทำให้ร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพในระยะยาว Read More ↓
ค่า BMI 30.0 ขึ้นไป ค่อนข้างอันตราย เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงที่แฝงมากับความอ้วน หากค่า BMI อยู่ในระดับนี้ จะต้องปรับพฤติกรรมการทานอาหาร และควรเริ่มออกกำลังกาย และหากเลขยิ่งสูงกว่า 40.0 ยิ่งแสดงถึงความอ้วนที่มากขึ้น ควรไปตรวจสุขภาพ และปรึกษาแพทย์
ค่า BMI ระหว่าง 25.0 - 29.9 อ้วนในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ถึงเกณฑ์ที่ถือว่าอ้วนมาก ๆ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มากับความอ้วนได้เช่นกัน ทั้งโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ควรปรับพฤติกรรมการทานอาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพ
ค่า BMI ระหว่าง 18.5 - 24.9 เป็นน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคนไทยคือค่า BMI ระหว่าง 18.5-24.9 จัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ห่างไกลโรคที่เกิดจากความอ้วน และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ น้อยที่สุด ควรพยายามรักษาระดับค่า BMI ให้อยู่ในระดับนี้ให้นานที่สุด และควรตรวจสุขภาพทุกปี
ค่า BMI น้อยกว่า 18.5 น้ำหนักน้อยกว่าปกติก็ไม่ค่อยดี หากคุณสูงมากแต่น้ำหนักน้อยเกินไป อาจเสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอหรือได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลียง่าย การรับประทานอาหารให้เพียงพอ และการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อสามารถช่วยเพิ่มค่า BMI ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้
ดัชนีมวลกาย หรือ BMI ย่อมาจาก Body Mass Index เป็นค่าสากลที่ใช้เพื่อคำนวณเพื่อหาน้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น และประมาณระดับไขมันในร่างกายโดยใช้น้ำหนักตัว และส่วนสูง การคำนวณดัชนีมวลกายไม่ใช่การวัดโดยตรงแต่ก็เป็นตัวชี้วัดไขมันในร่างกายที่ค่อนข้างเชื่อถือได้สำหรับคนส่วนใหญ่ ค่า BMI สามารถใช้บ่งบอกความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆได้อีกด้วย เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด ระบบหัวใจ รวมไปถึงมะเร็งบางชนิด
แต่อย่างไรก็ตามค่า BMI เป็นแค่การคำนวณเบื้องต้นเท่านั้น เนื่องจากคุณจำเป็นต้องนำปัจจัยอื่นๆ มาประกอบด้วย ทั้งเรื่องของพันธุกรรม ปริมาณกล้ามเนื้อ พฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต การออกกำลังกาย และอื่นๆ แต่เนื่องจากดัชนีมวลกายมีวิธีคำนวณที่ง่าย จึงทำให้ทุกคนสามารถประเมินความเสี่ยงของตนเอง จากการมีปริมาณไขมันในร่างกายเกินได้
แม้ว่าดัชนีมวลกายจะสัมพันธ์กับการวัดไขมันในร่างกายค่อนข้างมาก แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง โดยขึ้นอยู่กับเพศ อายุ และความสามารถทางกีฬา ข้อจำกัดเหล่านี้ ได้แก่
* ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าผู้ชาย
* คนที่อายุมากกว่ามีแนวโน้มที่จะมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าคนที่อายุน้อยกว่า
* นักกีฬาที่ฝึกฝนมาอย่างดีจะมีดัชนีมวลกายสูงเนื่องจากมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่า ทำให้น้ำหนักตัวที่มากนั้นมาจากมวลกล้ามเนื้อ ไม่ใช่ไขมัน องค์ประกอบของร่างกาย ไขมันในร่างกาย และดัชนีมวลกาย
เหตุผลที่ใช้ดัชนีมวลกายในการคัดกรองสุขภาพของประชากรทั่วไปเนื่องจากการมีน้ำหนักเกินหรืออ้วนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัญหาสุขภาพ การเกิดโรคเรื้อรัง และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรืออ้วนจะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพและโรคต่างๆเพิ่มขึ้น ดังนี้
* โรคข้อเสื่อม
* โรคเบาหวาน
* โรคมะเร็งบางชนิด
* ความดันโลหิตสูง
* โรคหลอดเลือดสมอง
* โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
* โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
1. ค่า BMI จะแปรผันตามน้ำหนักตัว หากน้ำหนักตัวเพิ่มก็จะทำให้ค่า BMI เพิ่มขึ้น ถ้าน้ำหนักตัวลดก็จะทำให้ค่า BMI ลดลงเช่นเดียวกัน
2. ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มปริมาณการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวัน
3. เลือกกินอาหารที่ไขมันไม่สูง หรือทานให้ครบ 5 หมู่
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7 ชั่วโมงต่อวัน
5. หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
6. ปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทาง
1. วางแผนการใช้ชีวิตและกินอาหารให้ครบ 5 หมู่
2. วางแผนออกกำลังกาย เป็นประจำสม่ำเสมอ
3. วางแผนเก็บเงิน เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี
4. วางแผนซื้อประกันภัยสุขภาพ กรณีล้มป่วยฉุกเฉิน
5. วางแผนปรับสมดุลเรื่องงาน ลดความเครียด
6. วางแผนลดนอนดึก เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน
7. วางแผนเลี่ยงหรือลด การสูบบุหรี่
8. วางแผนลดปาร์ตี้กลางคืน และดื่มหนักๆ
* ค่อยๆเลี่ยง ค่อยๆลด ให้ร่างกายค่อยๆฟื้นและปรับสมดุล
ผื่นกุหลาบ โรคผิวหนังที่มาพร้อมหน้าฝน! สาเหตุ อาการ วิธีรักษา
ผื่นกุหลาบ หรือที่บางครั้งก็เรียกว่า โรคขุยดอกกุหลาบ เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน ถึงแม้จะไม่ใช่โรคที่อันตรายอะไร แต่กลับเป็นโรคที่สร้างความอับอาย สร้างปมด้อยให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้พอสมควร เพราะ จะเกิดผื่นขึ้นทั่วร่างกาย ไม่เป็นที่น่ามองนั่นเอง มาทำความรู้จักกับโรค ผื่นกุหลาบ นี้กันเลยดีกว่า ว่าจะมีสาเหตุ อาการ วิธีรักษา อย่างไรบ้าง . ผื่นกุหลาบ คืออะไร มีสาเหตุจากอะไร? ผื่นกุหลาบ Pityriasis rosea (PR) เป็นโรคผิวหนังอักเสบที่พบได้บ่อยชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะเฉพาะ และมีอาการเฉียบพลัน เป็นโรคที่ไม่อันตราย และไม่ทำให้เสียชีวิต ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักหายจากโรคนี้ได้เอง โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ และเมื่อเป็นแล้วมักจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก (หรือโอกาสเกิดขึ้นซ้ำค่อนข้างน้อย) ผื่นกุหลาบเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก พบใน 0.3-3% ของคนทั่วไป โดยพบมากในวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ อาจพบได้ในเพศหญิงมากกว่าเพศชายเล็กน้อย และพบได้ตลอดทั้งปี แต่มักพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน สาเหตุของการเกิดโรคยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่น่าจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสจากการสัมผัส และการใช้ยาบางประเภท ก็อาจกระตุ้นให้เกิดผื่นกุหลาบได้ เช่น แอสไพริน Barbiturates, Bismuth, Captopril, Clonidine, D-penicillamine, Ketotifen, Isotretinoin เป็นต้น โดยโรค ผื่นกุหลาบ ที่เกิดจากยากระตุ้น จะหายได้ช้ากว่าผื่นที่ไม่ได้เกิดจากยากระตุ้น . อาการของโรคผื่นกุหลาบ 1. มีผื่นขึ้นตามตัว โดยที่สุขภาพทั่วไปแข็งแรงดี และมักไม่มีอาการไข้ แต่ในบางรายก็อาจพบอาการนำก่อนมีผื่นขึ้น ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อ แต่พบได้น้อยมาก 2. ในระยะแรกเริ่ม จะมีผื่นอันแรกเกิดขึ้นในช่วง 1 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น ก่อนที่จะมีผื่นขนาดเล็กจำนวนมากขึ้นตามมาในภายหลัง โดยผื่นปฐมภูมิ มักมีจำนวนเพียง 1 ผืน มีขนาดประมาณ 2-6 เซนติเมตร เป็นรูปวงรี รูปไข่ หรือวงกลม ตรงกลางของผื่นมีลักษณะย่น มีสีชมพู สีส้ม หรือสีเนื้อปลาแซลมอน ส่วนบริเวณรอบนอกของผื่น จะเป็นสีแดงเข้ม เห็นขอบผื่นชัดเจน ทั้ง 2 ส่วนนี้ จะแยกจากกันด้วยขุยหรือเกล็ดบางๆ ที่ขอบของผื่น มักเกิดขึ้นที่ผิวหนังบริเวณลำตัว (หน้าอก ต้นคอ) แต่ก็พบขึ้นที่หลัง คอ แขน หรือขาได้เช่นกัน 3. ต่อมาอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะมีผื่นลักษณะเดียวกันที่เรียกว่า “ผื่นทุติยภูมิ” แต่มีขนาดเล็กกว่า ค่อย ๆ ทยอยขึ้นตามมา โดยผื่นจะขึ้นหมดในช่วง 2 สัปดาห์แรก และเป็นอยู่นานประมาณ 2-6 สัปดาห์ ก่อนจะค่อย ๆ จางจนหมดไปในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้าย ผื่นทุติยภูมิมักขึ้นกระจายทั้ง 2 ข้างของร่างกายเท่า ๆ กันตามลำตัว และส่วนที่ติดกับลำตัว คือ ลำคอ ต้นแขน ต้นขา ท้อง หน้าอก และหลัง ผื่นเป็นรูปวงรี มักจะขึ้นเรียงขนานกันไปตามแนวลายเส้นของผิวหนัง มีลักษณะคล้ายรูปตัว T 4. ผื่นมักจะหายไปได้เองภายใน 2-6 สัปดาห์ แต่ผู้ป่วยบางราย อาจมีผื่นอยู่นานถึง 3-4 เดือนหรือนานกว่า ทำให้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “โรคผื่นร้อยวัน” เพราะผู้ป่วยจะหายเองได้โดยเฉลี่ยที่ 3 เดือน หรือภายใน 100 วัน . ผลข้างเคียงของโรคผื่นกุหลาบ นอกจากอาการหลักตามที่กล่าวไปแล้ว ผื่นกุหลาบ ยังสามารถก่อให้เกิดอาการข้างเคียงอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการคัน และบางส่วนอาจมีอาการคันรุนแรงมาก ในบางราย เมื่อผื่นค่อย ๆ หายไป ผิวหนังตรงรอยผื่นอาจมีสีดำคล้ำ คล้ายกับเมื่อเป็นสิวได้ แต่รอยดำคล้ำจะค่อย ๆ จางลงและหายไปเอง โดยไม่ทำให้เกิดแผลเป็นแต่อย่างใด เมื่อผื่นหาย อาจพบการเปลี่ยนแปลงของสีผิวหนังเป็นรอยขาว หรือรอยคล้ำดำ และมักพบการเปลี่ยนสีผิวเป็นรอยดำคล้ำ ในผู้ป่วยที่มีผิวสีเข้ม ผู้ป่วยโรคผื่นกุหลาบ ที่มีผื่นขึ้นนานกว่า 3 เดือน อาจเป็นโรค Pityriasis Lichenoides Chronica (PLC) มีรายงานการคลอดก่อนกำหนดในหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นผื่นกุหลาบ โดยเฉพาะการเกิดผื่นกุหลาบในขณะที่อายุครรภ์ไม่เกิน 15 สัปดาห์ ผู้ป่วยโรคผื่นกุหลาบ มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ โรคเซ็บเดิร์ม โรคสิว และรังแค สูงกว่าคนทั่วไป และมักมีการกำเริบของผื่นมากขึ้นในผู้ที่มีความเครียดสูง ทำให้เกิดความกังวลในภาพลักษณ์จากการมีผื่นที่ผิวหนัง . วิธีรักษาผื่นกุหลาบ โรคผื่นกุหลาบเป็นโรคที่สามารถหายได้เอง และไม่มีวิธีการรักษาเฉพาะ โดยแพทย์จะให้การรักษาตามอาการไปจนกว่าจะหายเอง โดยผู้ป่วย สามารถดูแลตัวเองในเบื้องต้น ตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อช่วยทำให้ผื่นหายเร็วยิ่งขึ้นได้ 1. หลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำให้ระคายเคืองต่อผิวหนัง และโรคมีอาการกำเริบ เช่น หลีกเลี่ยงการถูกน้ำ มีเหงื่อออก และสัมผัสสบู่ยาหรือสบู่หอม ควรใช้สบู่อ่อน ๆ เช่น สบู่เด็ก สบู่เหลว ไปก่อนระหว่างที่ยังมีอาการ 2. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น หรือน้ำร้อนจัด เพราะสามารถกระตุ้นให้ผื่นเห่อขึ้นได้ 3. พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงความเครียด 4. ตากแดดทุกวันในช่วงเวลา 10 -14.00 น. วันละ 3-5 นาที เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว แสงแดดจะมีรังสี UVB ในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยในการรักษาโรคผื่นกุหลาบอย่างได้ผลดี 5. ผื่นกุหลาบ ไม่ใช่โรคติดต่อ ไม่ว่าจะทั้งจากการสัมผัส กิน ดื่ม หรือหายใจร่วมกัน ผู้ป่วยจึงไม่จำเป็นต้องแยกตัวออกจากผู้อื่น และไม่จำเป็นต้องให้หยุดเรียน หรือไปทำงาน แม้ว่าผู้ป่วยจะมีผื่นขึ้นกระจายตามตัวมาก 6. ในรายที่เป็นไม่มาก เช่น มีอาการคันเพียงเล็กน้อย อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษา และรอให้ผื่นหายเองภายใน 2-6 สัปดาห์ได้
สัญญาณเตือน มะเร็งปอด เสียงแหบ 1 ในอาการ ปัจจัยเสี่ยงมากกว่าบุหรี่
กรมการแพทย์ เผยปัจจัยเสี่ยง มะเร็งปอด ที่ไม่ได้มีเฉพาะบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า จับสัญญาณเตือน เสียงแหบเป็นหนึ่งในอาการ หากมีอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ นพ.สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งปอด เป็นมะเร็งที่คนทั่วโลกป่วยและเสียชีวิตมากที่สุด จากสถิติองค์การอนามัยโลกพบว่า แต่ละปีมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 2.5 ล้านคน เสียชีวิตประมาณ 1.8 ล้านคน สำหรับประเทศไทยโรคมะเร็งปอดถือเป็น 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบบ่อย ซึ่งพบมากเป็นอันดับ 2 ในเพศชาย และอันดับ 3 ในเพศหญิง แต่ละปีจะมีผู้ป่วยมะเร็งปอดรายใหม่ประมาณ 17,947 ราย เป็นเพศชาย 11,060 ราย และเพศหญิง 6,887 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 15,022 ราย หรือคิดเป็น 41 รายต่อวัน มะเร็งปอด แบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ มะเร็งชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (small cell lung cancer) พบได้ประมาณ 10-15% มะเร็งชนิดเซลล์ไม่ใช่ขนาดเล็ก (non-small cell lung cancer) พบได้ประมาณ 85-90% เนื่องจากปอดเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการนำก๊าซออกซิเจนจากสิ่งแวดล้อมเข้าสู่ระบบเลือดและนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดออกสู่สิ่งแวดล้อม ดังนั้น หากเป็นมะเร็งปอดระยะลุกลามความรุนแรงต่อชีวิตจึงค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม หากตรวจให้พบเจอได้ตั้งแต่ระยะแรกจะมีโอกาสรักษาหายสูง แต่ความน่าวิตกคือผู้ป่วยมะเร็งปอดมักมาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลามไปมากแล้วทำให้การรักษาทำได้ยากขึ้น หรืออาจเพียงการรักษาแบบประคับประคอง เรืออากาศเอกนพ.สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า มะเร็งปอดมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญมาจากการสูบบุหรี่หรือการได้รับควันบุหรี่มือสอง การสัมผัสสารก่อมะเร็ง เช่น แร่ใยหิน รวมถึงมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านพันธุกรรมที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรค อาการของมะเร็งปอดมักโดยทั่วไปมักไม่เฉพาะเจาะจง และอาจคล้ายคลึงกับโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ เช่น ไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ เสียงแหบ ปอดติดเชื้อบ่อย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หากมีอาการเหล่านี้เรื้อรังควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย กระบวนตรวจวินิจฉัยมะเร็งปอดเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และการตรวจเอกซเรย์ทรวงอกหรือ CT scan หากพบสิ่งผิดปกติ แพทย์จะทำการเก็บชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยาด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การส่องกล้องหลอดลม การเจาะชิ้นเนื้อ หรือการผ่าตัดเล็ก นอกจากนี้อาจมีการตรวจ PET scan เพื่อประเมินการแพร่กระจายของโรค และในบางกรณีแพทย์อาจส่งตรวจทางพันธุกรรมของเนื้องอกเพื่อช่วยกำหนดแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพในระดับประชากร แต่สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นเวลานาน อาจพิจารณาให้เข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยเอกซเรย์ปอดหรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้รังสีต่ำ (Low-Dose CT Scan) เพื่อค้นหาความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม การป้องกันที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ พญ.ณัษฐา พิภพไชยาสิทธิ์ แพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่าการรักษาโรคมะเร็งปอดจะต้องพิจารณาจากองค์ประกอบหลายอย่าง ได้แก่ ชนิดของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรค รวมถึงสภาวะความแข็งแรงของผู้ป่วย โดยการรักษาในปัจจุบันนั้น ประกอบไปด้วย การผ่าตัด การฉายรังสี การให้ยาเคมีบำบัด การรักษาด้วยยามุ่งเป้าทำลายเซลล์มะเร็ง และ/หรือการรักษาด้วยยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งอาจต้องใช้การรักษาร่วมกันหลายวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการรักษา เช่น หากเป็นชนิดเซลล์ขนาดเล็ก การรักษาหลักคือการฉายรังสีร่วมกับยาเคมีบำบัด แต่ถ้าหากเป็นชนิดไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กที่มะเร็งยังไม่ลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง การรักษาหลักคือการผ่าตัดและตามด้วยยาเคมีบำบัด ในบางกรณีหากโรคเริ่มลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง จำเป็นต้องได้รับการรักษาหลายชนิดร่วมกัน แต่ถ้าหากโรคลุกลามไปมากแล้ว การรักษาด้วยยาต่าง ๆ จะเป็นการรักษาหลัก ไม่ว่าจะเป็นยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า และยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบำบัด เป็นต้น มะเร็งปอดถือว่าเป็นมะเร็งที่มีความรุนแรงของโรคค่อนข้างมากส่งผลกระทบต่อชีวิตสูง อีกทั้งการตรวจคัดกรองเพื่อค้นหามะเร็งในระยะแรกค่อนข้างลำบากทำให้ประสิทธิภาพของการรักษามีข้อจำกัด ทางที่ดีที่สุดคือควรมุ่งเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษาโดยสาเหตุที่สำคัญของการเกิดมะเร็งปอดนั้นเกิดจากบุหรี่ จึงควรหยุดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดผู้ที่สูบบุหรี่ อยู่อาศัยในสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายหากต้องปฏิบัติงานในสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และหมั่นตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรุงเทพธุรกิจ
ซิฟิลิสระบาด รู้ไว รักษาทัน
ซิฟิลิสระบาด รู้ไว รักษาทัน . ซิฟิลิสเป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ทรีโพนีมา แพลลิดัม (Treponema pallidum) ปัจจุบันแนวโน้มการติดเชื้อซิฟิลิส เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น รักร่วมเพศ หญิงตั้งครรภ์ ถ้าไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรก ๆ สามารถนำไปสู่อาการและภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและระยะยาวได้ . ซิฟิลิสติดต่อได้อย่างไร 1. การมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก และปาก 2. สัมผัสแผลโดยตรงผ่านผิวหนังที่ฉีกขาดหรือเยื่อบุอ่อนของร่างกาย การจูบปาก 3. รับเลือดจากผู้ติดเชื้อ หรือการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน 4. จากแม่สู่บุตรขณะตั้งครรภ์ . วิธีการป้องกัน . - งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่นอนของตนเอง - งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่มีแผลที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก - ใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ โดยแผลที่เป็นซิฟิลิสต้องอยู่ภายในถุงยางอนามัยด้วย - การตรวจสุขภาพ ตรวจเลือดคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ ในกรณีที่มีประวัติได้รับความเสี่ยงการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ หรือคู่นอนติดเชื้อหรือสงสัยติดเชื้อซิฟิลิส - งดมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ติดเชื้อซิฟิลิส จนกว่าจะรักษาหายเป็นปกติ - หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ขณะหรือหลังมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการใช้ยากล่อมประสาทหรือยาเสพติด เพราะนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันได้ . ขอขอบคุณข้อมูลจาก: ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย . โรงพยาบาลเออีซีพร้อมให้บริการทุกสิทธิ์การรักษา เรื่องสุขภาพให้โรงพยาบาลเออีซีดูแลคุณ
โควิดรอบใหม่ สายพันธุ์ XEC แพร่เร็วควบคู่ไข้หวัดใหญ่ หมอเตือนเสี่ยงติดเชื้อซ้อน
โควิดรอบใหม่ สายพันธุ์ XEC แพร่เร็วควบคู่ไข้หวัดใหญ่ หมอเตือนเสี่ยงติดเชื้อซ้อน . ตัวเลขผู้ป่วยโควิดพุ่งกว่า 7 หมื่นราย หลังสงกรานต์ – เด็ก 0-4 ปีกลุ่มเสี่ยงสูงสุด แพทย์ชี้มาตรการ NPI สำคัญกว่าวัคซีน เฝ้าระวังช่วงเปิดเทอม แต่ไม่จำเป็นต้องปิดโรงเรียน . วันนี้ (15 พ.ค. 2568) สถานการณ์โควิด-19 ยังน่าเป็นห่วง ตัวเลขผู้ป่วยพุ่งหลังสงกรานต์ ข้อมูลล่าสุดจากกรมควบคุมโรค ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 พบผู้ป่วยโควิด-19 สะสมแล้ว 71,067 คน เสียชีวิต 19 คน โดยแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ (สัปดาห์ที่ 16) ที่มีการเดินทางและการรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก . ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่าในปีนี้ ระหว่างเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ ประเทศไทยพบการระบาดของสายพันธุ์ XEC เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนที่มีความสามารถในการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว . พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า การระบาดครั้งนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะหลังเทศกาลสงกรานต์ ขณะเดียวกันยังพบไข้หวัดใหญ่ระบาดควบคู่กัน ซึ่งแม้จะมีแนวโน้มลดลง แต่ยังสูงกว่าค่ามัธยฐานของ 5 ปีย้อนหลัง ทำให้ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด . เจาะลึกสายพันธุ์ XEC กับการระบาดระลอกใหม่ สายพันธุ์ XEC ที่พบการระบาดในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน มีลักษณะการแพร่กระจายที่รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า อาจเป็นสาเหตุให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา . ศาสตราจารย์เกียรติคุณ วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์รายการรวันใหม่วาไรตี้ Thai PBS เช้านี้(15 พ.ค.)ว่า ก่อนสงกรานต์ สายพันธุ์หลักคือ JN.1 แต่หลังสงกรานต์พบการระบาดของ XPB และ KP.2 เพิ่มขึ้น ซึ่ง KP.2 ยังสามารถป้องกัน JN.1 ได้ในระดับหนึ่ง ทำให้มีการพัฒนาวัคซีนแบบ Monovalent ที่เน้นสายพันธุ์เดียว” . สำหรับอาการของผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ XEC นั้น คล้ายคลึงกับโควิด-19 สายพันธุ์ก่อนหน้า ได้แก่ มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก แต่ที่สำคัญคือไม่มีอาการเฉพาะอย่าง “ไม่ได้กลิ่น” หรือ “ไม่รู้รส” เหมือนที่เคยพบในช่วงการระบาดระลอกแรกๆ ซึ่งทำให้การวินิจฉัยแยกโรคจากไข้หวัดใหญ่หรือไข้หวัดธรรมดาทำได้ยากขึ้น . กลุ่มเด็กอายุ 0-4 ปี เสี่ยงสูงสุด พ่อแม่ควรเฝ้าระวังช่วงเปิดเทอม ข้อมูลที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มเด็กอายุ 0-4 ปี เป็นกลุ่มที่มีอัตราป่วยสูงที่สุด โดย พญ.สิปาง ปังประเสริฐกุล อาจารย์ประจำสาขาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า “ประเทศไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 สะสมกว่า 41,000 ราย ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 8 พฤษภาคม 2568 โดยกลุ่มเด็กอายุ 0–4 ปี คือกลุ่มที่มีอัตราป่วยสูงที่สุด และส่วนใหญ่ติดเชื้อจากสายพันธุ์ XEC” . โควิด-19 กับไข้หวัดใหญ่ การระบาดซ้อนที่ต้องเฝ้าระวัง ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 น่าเป็นห่วง ไข้หวัดใหญ่ก็กลับมาระบาดควบคู่กัน โดยข้อมูลจากกรมควบคุมโรคระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 14 พฤษภาคม 2568 พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สะสมถึง 328,103 ราย (อัตราป่วย 500.40 ต่อประชากรแสนคน) และมีผู้เสียชีวิต 33 ราย แม้แนวโน้มผู้ป่วยจะลดลง แต่ยังสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง จบพันธุ์ A มีประสิทธิภาพราว 68% และ B ประมาณ 32% ขณะนี้เราพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้งชนิด A และ B โดยสายพันธุ์ B มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และมักถูกมองข้ามว่าไม่รุนแรง ทั้งที่จริงแล้วมีความรุนแรงไม่ต่างจากสายพันธุ์ A . ข้อขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยพีบีเอช
เตือนภัย มีคนเสียชีวิตด้วยโรคแอนแทรกซ์ ในพื้นที่อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร 1 ราย
เตือนภัย! มีคนเสียชีวิตด้วยโรคแอนแทรกซ์ ในพื้นที่อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร 1 ราย มีประวัติสัมผัสวัว ควาย ตามวิถีชาวบ้าน และล่าสุดกินเนื้อวัวดิบในงานบุญฯ เห็นว่ากินกันหลายคน แต่โชคดีที่รู้แล้วว่าเป็นแอนแทรกซ์รายต่อๆไปน่าจะรักษาได้ตรงจุดได้ไว . โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย ‘บาซิลลัส แอนทราซิส’ (Bacillus anthracis) มันสามารถสร้างสปอร์ทนทานสภาพแวดล้อมได้นานเป็นสิบปี อยู่ตามดิน พืชผัก หรือซากสัตว์ที่ปนเปื้อนสปอร์ พอมีโอกาสก็แฝงตัวเข้าสู่คนทาง 3 ทางหลัก . 1. แอนแทรกซ์ผิวหนัง (Cutaneous Anthrax) - พบมากที่สุด (95% ของผู้ติดเชื้อ) - อาการ: เริ่มจากตุ่มคัน กลายเป็นแผลสีดำ (eschar) มีเนื้อตายล้อมด้วยวงบวมแดง - อัตราตาย: น้อยกว่า 1% ถ้ารีบรักษาทัน . 2. แอนแทรกซ์ระบบหายใจ (Inhalational Anthrax) - อันตรายที่สุด! เกิดจากการสูดสปอร์เข้าไป - อาการระยะแรก คล้ายไข้หวัดใหญ่ ไข้สูง ไอ เหนื่อย แล้วไประยะช็อกทำให้หายใจลำบาก ตัวเขียว โลหิตเป็นพิษ - อัตราตาย: สูงกว่า 80% ถ้ารักษาช้า . 3. แอนแทรกซ์ทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Anthrax) - ติดเชื้อจากการกินเนื้อสัตว์ป่วยที่ไม่สุก - อาการ: ปวดท้องรุนแรง อาเจียน ถ่ายเป็นเลือดสีดำ - อัตราตาย: 25-60% . อย่าลืมนะครับ เน้นกินสุก 100% และถ้าไปเจอสัตว์ตายโดยไม่รู้สาเหตุอย่าเอามาชำแหละกินกัน ถ้าพบสัตว์ตายผิดปกติรีบหนีให้ห่าง และให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที . ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก หมอแล็บแพนด้า
“พงศ์กวิน” ผุดมาตรการเร่งด่วน สั่งการ กกจ. กพร. กสร. สปส. ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงชายแดนไทย – กัมพูชา
“พงศ์กวิน” ผุดมาตรการเร่งด่วน สั่งการ กกจ.-กพร.-กสร.-สปส. ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงชายแดนไทย – กัมพูชา . นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้ออกมาตรการดำเนินการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา โดยสั่งการให้ กรมการจัดหางาน (กกจ.) ,กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ,กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) และ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ดำเนินการช่วยเหลือทั้งในส่วนของลูกจ้างผู้ประกันตน นายจ้างสถานประกอบการ แรงงานต่างด้าว และประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ . โดยกรมการจัดหางาน ให้สนับสนุนพื้นที่จัดตั้งโรงครัวประกอบอาหารพร้อมกับประสานเคลื่อนย้ายแรงงานไทย หากประสงค์จะเดินทางไปทำงานนอกพื้นที่ รวมถึงอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศ ของแรงงานกัมพูชาและประสาน ช่วยเหลือให้มีที่พักพิงระหว่างรอการส่งกลับ รวมทั้งให้นายจ้างสถานประกอบการดูแลแรงงาน อย่างใกล้ชิด ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันในสถานประกอบการ และ ผ่อนผันให้แรงงาน ที่เข้ามาทำงานโดยใช้บัตรผ่านแดน (Border pass) ทั้งที่มีอายุหรือหมดอายุสามารถทำงานต่อไปได้ . อีกทั้งให้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดเตรียมสถานที่ของหน่วยงานในสังกัดเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวให้แก่ผู้อพยพ และสนับสนุนพื้นที่จัดตั้งโรงครัวเพื่อประกอบอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัย ส่วน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ดำเนินการด้านขอความร่วมมือนายจ้าง/สถานประกอบกิจการให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา หยุดงานโดยไม่ถือเป็นวันลาหรือความขัดต่อข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ดูแลลูกจ้าง และเฝ้าระวังการกระทบกระทั่งระหว่างลูกจ้างไทยและลูกจ้างกัมพูชา . นายพงศ์กวิน กล่าวต่อว่า พร้อมสั่งการให้ สำนักงานประกันสังคม แจ้งให้สถานพยาบาลในระบบประกันสังคมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้บริการแก่ผู้ประกันตนโดยไม่เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล และบันทึกการขอรับค่าบริการทางการแพทย์ผ่านระบบ MMS รวมทั้งเร่งรัดการวินิจฉัยการขอรับค่าบริการทางการแพทย์กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน 72 ชั่วโมงในระบบ MMS ในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้สถานพยาบาลโดยเร็ว . ทั้งนี้ ลูกจ้างผู้ประกันตน นายจ้างสถานประกอบการ แรงงานต่างด้าว และประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506
“พงศ์กวิน” นำประชุม คบต. เห็นชอบมาตรการดูแลแรงงานกัมพูชา ลดผลกระทบภาคธุรกิจ นายจ้างชายแดน
“พงศ์กวิน” นำประชุม คบต. เห็นชอบมาตรการดูแลแรงงานกัมพูชา ลดผลกระทบภาคธุรกิจ-นายจ้างชายแดน . นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินมาตรการผ่อนผันให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา สามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน วันนี้ (8 กรกฎาคม 2568) จึงได้จัดประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (คบต.) เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการในการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าวกลุ่มดังกล่าว . โดยที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาที่ถือบัตรผ่านแดน (Border Pass) ทั้งที่มีอายุหรือหมดอายุ ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในประเทศไทยตามมาตรา 64 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และการอนุญาตให้พำนักในเขตพื้นที่ชายแดนที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุด ดังนี้ 1. ผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการทำงาน ได้อีก 6 เดือน หรือจนกว่าด่านจะเปิด รวมทั้ง ยกเว้นโทษเปรียบเทียบปรับ สำหรับกรณีอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่กำหนด 2. ให้ยื่นคำขออนุญาตทำงาน พร้อมเอกสารหลักฐาน ตามแนวทางที่กรมการจัดหางานกำหนด โดยชำระค่ายื่นคำขอ 100 บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน 225 บาท ได้รับอนุญาตให้ทำงานครั้งละ 90 วัน กรณีการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด แต่ใบอนุญาตทำงานยังมีอายุ ให้ใบอนุญาตทำงานดังกล่าวใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุใบอนุญาตทำงาน 3. สามารถเปลี่ยนและเพิ่มนายจ้างได้ไม่เกิน 3 ราย ภายในจังหวัดที่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน 4. คนต่างด้าวต้อง รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทุก 30 วัน โดยรายงานตัวครั้งแรกภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 และ 5. เมื่อสถานการณ์ชายแดนกลับสู่ภาวะปกติ ให้คนต่างด้าว อยู่ต่อได้อีก 7 วัน เพื่อเตรียมตัวเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ทั้งนี้ แนวทางทั้ง 5 ข้อดังกล่าวนั้น มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.68 เป็นต้นไป . โดยการประชุมในครั้งนี้มีนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานภาคเอกชน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน . ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ภายหลังการประชุมครั้งนี้ กรมการจัดหางานจะเสนอผลการประชุมให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป โดยแรงงานต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวจะได้รับการผ่อนผัน เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ และประกาศกระทรวงมหาดไทย รวมถึงประกาศกระทรวงแรงงานมีผลบังคับใช้แล้วเท่านั้น ทั้งนี้ ขอให้นายจ้าง สถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาที่เข้าข่ายตามมาตรการผ่อนผัน ดำเนินการตามขั้นตอนให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดในพื้นที่ รวมถึงสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694
ตกงานอย่าตกใจ! ประกันสังคมเพิ่มประโยชน์ทดแทน กรณีว่างงาน (สำหรับกรณีเลิกจ้าง)
ตกงานอย่าตกใจ! ประกันสังคมเพิ่มประโยชน์ทดแทน กรณีว่างงาน (สำหรับกรณีเลิกจ้าง) . ตกงานอย่าตกใจ! ประกันสังคม เพิ่ม! ประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน (สำหรับกรณีเลิกจ้าง) - ใหม่ ร้อยละ 60 (เดิม ร้อยละ 50) ของค่าจ้างรายวัน โดยให้ได้รับครั้งละไม่เกิน 180 วัน ผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้สูงสุดไม่เกินเดือนละ 9,000 บาท จากเดิมสูงสุดเดือนละ 7,500 บาท โดยในระยะเวลา 180 วัน (6 เดือน) จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้สูงสุด 54,000 บาท จากเดิมที่จะได้รับสูงสุด 45,000 บาท สร้างหลักประกันให้กับผู้ประกันตนที่ถูกเลิกจ้างและสูญเสียรายได้ ผู้ประกันตนมีรายได้เพียงพอกับภาระค่าใช้จ่าย อ่านต่อได้ที่ https://shorturl.asia/mpSb5
กองทุนประกันสังคม สิทธิล้น ประโยชน์เยอะ ผู้ประกันตนสมัครไว้จะมีสิทธิประโยชน์และความคุ้มครอง อะไรบ้าง ผู้ประกันตนควรรู้ ไปดูกันเลย
กองทุนประกันสังคม สิทธิล้น ประโยชน์เยอะ ผู้ประกันตนสมัครไว้จะมีสิทธิประโยชน์และความคุ้มครอง อะไรบ้าง ผู้ประกันตนควรรู้ ไปดูกันเลย กองทุนประกันสังคม คือ กองทุนที่ให้หลักประกันแก่ผู้ที่ประกันตน โดยได้รับเงินสมทบจาก นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์และความคุ้มครอง ทั้ง 7 กรณี (สามารถใช้ได้ทุกครั้ง ที่ผู้ประกันตนเจ็บป่วย) สิทธิประโยชน์+ความคุ้มครองที่จะได้รับ 7 กรณี -กรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย -กรณีคลอดบุตร -กรณีทุพพลภาพ -กรณีตาย -กรณีสงเคราะห์บุตร -กรณีชราภาพ -กรณีว่างงาน หากผู้ประกันตนสมทบเงินเข้ากองทุนประกันสังคมครบทุกเดือน รับรองว่าผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์+คุ้มครอง จากกองทุนประกันสังคมที่คอยดูแลผู้ประกันตนอยู่เสมอ “ประกันสังคม คุ้มครองทุกวัย ใส่ใจทุกคน” สอบถามข้อมูลประกันสังคมได้ที่ www.sso.go.th หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง . สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับสุขภาพหรือข่าวสารต่างๆของโรงพยาบาลเออีซีได้ที่ เพจ Facebook โรงพยาบาลเออีซี
กรมการจัดหางานกวาดล้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ไลฟ์สดขายของกลางห้างดัง ย้ำ! วีซ่าท่องเที่ยวไม่ใช่ใบอนุญาตทำงาน ฝ่าฝืนมีโทษ – ถูกส่งกลับประเทศ
กรมการจัดหางานกวาดล้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ไลฟ์สดขายของกลางห้างดัง ย้ำ! วีซ่าท่องเที่ยวไม่ใช่ใบอนุญาตทำงาน ฝ่าฝืนมีโทษ – ถูกส่งกลับประเทศ . 12 มิถุนายน 2568 – กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เข้มตรวจสอบแรงงานต่างชาติทำงานผิดกฎหมาย สานต่อนโยบาย “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่เน้นคุ้มครองโอกาสแรงงานไทยและจัดระเบียบแรงงานต่างชาติอย่างจริงจัง ล่าสุดจับกุมแรงงานจีน 13 ราย ขณะไลฟ์สดขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าย่านรัชดา ทั้งที่ถือเพียงวีซ่าท่องเที่ยว และไม่มีใบอนุญาตทำงาน . นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า การตรวจสอบครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งพบว่ามีการจ้างแรงงานต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาตอย่างชัดเจน พร้อมตรวจยึดผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีฉลากภาษาไทยและไม่มีเครื่องหมาย อย. มาดำเนินการตามกฎหมาย . ผู้กระทำผิดประกอบด้วยนายจ้าง 1 ราย และแรงงานจีน 13 ราย (ชาย 7 คน หญิง 6 คน) ซึ่งถูกแจ้งข้อหาและนำตัวส่งดำเนินคดีแล้ว โดยแรงงานต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน และเดินทางเข้ามาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว หากทำงานในประเทศไทย ถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษปรับ 5,000–50,000 บาท และถูกส่งกลับประเทศทันที พร้อมถูกห้ามยื่นขอใบอนุญาตทำงานในไทยเป็นเวลา 2 ปี . “ด้านนายจ้าง หากจ้างแรงงานผิดกฎหมาย มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000–100,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำ อาจถูกจำคุก และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าว 3 ปี กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน จะไม่ละเลยต่อการลักลอบทำงานผิดกฎหมาย ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงของตลาดแรงงานไทย การเข้าทำงานของแรงงานต่างชาติในประเทศไทย ต้องได้รับใบอนุญาตถูกต้องเท่านั้น วีซ่าท่องเที่ยวไม่ได้หมายความว่าอนุญาตให้ทำงาน” นายสมชาย กล่าวปิดท้าย . กรมการจัดหางานขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หรือผู้ที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน โทร. 02 354 1729 หรือที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694
18/4/2567
18/6/2567
กำลังพิจารณา
กำลังพิจารณา
เอกสารแสดงเจตฯจำนงค์หาผู้รับเหมา เสนอราคาดัดแปลงอาคาร บริษัท บริษัท เออีซี เมดิคอลเซ็นเตอร์ จำกัด มีความประสงค์หาผู้รับเหมาก่อสร้างเสนอราคา ดัดแปลงอาคาร ตั้งอยู่เลขที่ 5/107 หมู่ที่ 1 ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี รหัสไปรษณีย์ 20000 เพื่อใช้ประกอบกิจการเป็นโรงพยาบาล ที่เป็นไปตามข้อกำหนดของ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข โดยผู้เสนอราคาต้องมีคุณสมบัติหรือข้อกำหนดของบริษัท เออีซีฯ ตามนี้ 1.เป็นบริษัทจำกัด มีสัญชาติไทย และได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาไม่น้อยกว่า 5 ปี มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 10,000,000บาท (สิบล้านบาทถ้วน) และมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างอาคารตามหนังสือรับรองบริษัท 2.ต้องแสดงหรือนำเสนอผลงานที่ผ่านมา มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 5,000,000บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) ต่อโครงการ หากเคยรับงานก่อสร้างโรงพยาบาลมาก่อนจะได้รับการพิจรณาเป็นพิเศษ 3.ต้องไม่เคยมีประวัติการทิ้งงาน ทำงานล่าช้าไม่เสร็จตามสัญญา หรือ ทำงานไม่เป็นไปตามมาตรฐาน จนส่งผลต่อการใช้สอยอาคาร 4.ต้องมีและแสดงถึงฐานะทางการเงิน หรือ Supply Chain ที่มีความน่าเชื่อถือ 5.ต้องมีผู้รับผิดชอบควบคุมงาน และ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป) ตลอดเวลาในการดำเนินงาน 6.ต้องดูแลรักษาความสะอาดอาคารและบริเวณก่อสร้าง 7.ผู้เสนอราคาต้องแสดงรายละเอียดของวัสดุที่ใช้ (BOQ) เช่น ชนิด,ยี่ห้อ,และจำนวนที่ใช้ แนบมาพร้อมใบเสนอราคา 8.ผลการตัดสินของคณะกรรมการบริษัท เออีซีฯ จะเป็นข้อสรุปและถือเป็นข้อยุติ สนใจนัดหมายเข้าดูพื้นที่ได้ทุกวัน โทร 081 499 9970 (คุณกมล) และส่งเอกสารเสนอราคาได้ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2567
17/3/2567
18/4/2567
กำลังพิจารณา
กำลังพิจารณา
ยื่นเสนอราคาและรายละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณา ด้วยตนเองที่โรงพยาบาลเออีซี หรือ ส่งอีเมล์มาที่ aecaechospital@gmail.com หรือ ติดต่อสอบถามทุกช่องทาง
12/2/2567
20/3/2567
บจก.เว็บผึ้งงาน
20/3/2567
AECH-1
จ้างพัฒนาระบบเว็บไซต์โรงพยาบาล
100,000.00
[ ประกาศผลผู้ชนะแล้ว ]
ยื่นเสนอราคาและรายละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณา ด้วยตนเองที่โรงพยาบาลเออีซี หรือ ส่งอีเมล์มาที่ aecaechospital@gmail.com