หน้าหลัก
บริการ
ข่าวและบทความ
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อ
ภาษา
เข้าสู่ระบบ

หน้าหลัก บทความสุขภาพ ผื่นกุหลาบ

ผื่นกุหลาบ โรคผิวหนังที่มาพร้อมหน้าฝน! สาเหตุ อาการ วิธีรักษา

Visited +5 Times

ผื่นกุหลาบ โรคผิวหนังที่มาพร้อมหน้าฝน! สาเหตุ อาการ วิธีรักษา

ผื่นกุหลาบ หรือที่บางครั้งก็เรียกว่า โรคขุยดอกกุหลาบ เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน ถึงแม้จะไม่ใช่โรคที่อันตรายอะไร แต่กลับเป็นโรคที่สร้างความอับอาย สร้างปมด้อยให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้พอสมควร เพราะ จะเกิดผื่นขึ้นทั่วร่างกาย ไม่เป็นที่น่ามองนั่นเอง มาทำความรู้จักกับโรค ผื่นกุหลาบ นี้กันเลยดีกว่า ว่าจะมีสาเหตุ อาการ วิธีรักษา อย่างไรบ้าง
.
ผื่นกุหลาบ คืออะไร มีสาเหตุจากอะไร?
ผื่นกุหลาบ Pityriasis rosea (PR) เป็นโรคผิวหนังอักเสบที่พบได้บ่อยชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะเฉพาะ และมีอาการเฉียบพลัน เป็นโรคที่ไม่อันตราย และไม่ทำให้เสียชีวิต ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักหายจากโรคนี้ได้เอง โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ และเมื่อเป็นแล้วมักจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก (หรือโอกาสเกิดขึ้นซ้ำค่อนข้างน้อย)
ผื่นกุหลาบเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก พบใน 0.3-3% ของคนทั่วไป โดยพบมากในวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ อาจพบได้ในเพศหญิงมากกว่าเพศชายเล็กน้อย และพบได้ตลอดทั้งปี แต่มักพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน
สาเหตุของการเกิดโรคยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่น่าจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสจากการสัมผัส และการใช้ยาบางประเภท ก็อาจกระตุ้นให้เกิดผื่นกุหลาบได้ เช่น แอสไพริน Barbiturates, Bismuth, Captopril, Clonidine, D-penicillamine, Ketotifen, Isotretinoin เป็นต้น โดยโรค ผื่นกุหลาบ ที่เกิดจากยากระตุ้น จะหายได้ช้ากว่าผื่นที่ไม่ได้เกิดจากยากระตุ้น
.
อาการของโรคผื่นกุหลาบ
1. มีผื่นขึ้นตามตัว โดยที่สุขภาพทั่วไปแข็งแรงดี และมักไม่มีอาการไข้ แต่ในบางรายก็อาจพบอาการนำก่อนมีผื่นขึ้น ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อ แต่พบได้น้อยมาก
2. ในระยะแรกเริ่ม จะมีผื่นอันแรกเกิดขึ้นในช่วง 1 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น ก่อนที่จะมีผื่นขนาดเล็กจำนวนมากขึ้นตามมาในภายหลัง โดยผื่นปฐมภูมิ มักมีจำนวนเพียง 1 ผืน มีขนาดประมาณ 2-6 เซนติเมตร เป็นรูปวงรี รูปไข่ หรือวงกลม ตรงกลางของผื่นมีลักษณะย่น มีสีชมพู สีส้ม หรือสีเนื้อปลาแซลมอน ส่วนบริเวณรอบนอกของผื่น จะเป็นสีแดงเข้ม เห็นขอบผื่นชัดเจน ทั้ง 2 ส่วนนี้ จะแยกจากกันด้วยขุยหรือเกล็ดบางๆ ที่ขอบของผื่น มักเกิดขึ้นที่ผิวหนังบริเวณลำตัว (หน้าอก ต้นคอ) แต่ก็พบขึ้นที่หลัง คอ แขน หรือขาได้เช่นกัน
3. ต่อมาอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะมีผื่นลักษณะเดียวกันที่เรียกว่า “ผื่นทุติยภูมิ” แต่มีขนาดเล็กกว่า ค่อย ๆ ทยอยขึ้นตามมา โดยผื่นจะขึ้นหมดในช่วง 2 สัปดาห์แรก และเป็นอยู่นานประมาณ 2-6 สัปดาห์ ก่อนจะค่อย ๆ จางจนหมดไปในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้าย
ผื่นทุติยภูมิมักขึ้นกระจายทั้ง 2 ข้างของร่างกายเท่า ๆ กันตามลำตัว และส่วนที่ติดกับลำตัว คือ ลำคอ ต้นแขน ต้นขา ท้อง หน้าอก และหลัง ผื่นเป็นรูปวงรี มักจะขึ้นเรียงขนานกันไปตามแนวลายเส้นของผิวหนัง มีลักษณะคล้ายรูปตัว T
4. ผื่นมักจะหายไปได้เองภายใน 2-6 สัปดาห์ แต่ผู้ป่วยบางราย อาจมีผื่นอยู่นานถึง 3-4 เดือนหรือนานกว่า ทำให้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “โรคผื่นร้อยวัน” เพราะผู้ป่วยจะหายเองได้โดยเฉลี่ยที่ 3 เดือน หรือภายใน 100 วัน
.
ผลข้างเคียงของโรคผื่นกุหลาบ
นอกจากอาการหลักตามที่กล่าวไปแล้ว ผื่นกุหลาบ ยังสามารถก่อให้เกิดอาการข้างเคียงอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น
โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการคัน และบางส่วนอาจมีอาการคันรุนแรงมาก
ในบางราย เมื่อผื่นค่อย ๆ หายไป ผิวหนังตรงรอยผื่นอาจมีสีดำคล้ำ คล้ายกับเมื่อเป็นสิวได้ แต่รอยดำคล้ำจะค่อย ๆ จางลงและหายไปเอง โดยไม่ทำให้เกิดแผลเป็นแต่อย่างใด
เมื่อผื่นหาย อาจพบการเปลี่ยนแปลงของสีผิวหนังเป็นรอยขาว หรือรอยคล้ำดำ และมักพบการเปลี่ยนสีผิวเป็นรอยดำคล้ำ ในผู้ป่วยที่มีผิวสีเข้ม
ผู้ป่วยโรคผื่นกุหลาบ ที่มีผื่นขึ้นนานกว่า 3 เดือน อาจเป็นโรค Pityriasis Lichenoides Chronica (PLC)
มีรายงานการคลอดก่อนกำหนดในหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นผื่นกุหลาบ โดยเฉพาะการเกิดผื่นกุหลาบในขณะที่อายุครรภ์ไม่เกิน 15 สัปดาห์
ผู้ป่วยโรคผื่นกุหลาบ มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ โรคเซ็บเดิร์ม โรคสิว และรังแค สูงกว่าคนทั่วไป และมักมีการกำเริบของผื่นมากขึ้นในผู้ที่มีความเครียดสูง
ทำให้เกิดความกังวลในภาพลักษณ์จากการมีผื่นที่ผิวหนัง
.
วิธีรักษาผื่นกุหลาบ
โรคผื่นกุหลาบเป็นโรคที่สามารถหายได้เอง และไม่มีวิธีการรักษาเฉพาะ โดยแพทย์จะให้การรักษาตามอาการไปจนกว่าจะหายเอง โดยผู้ป่วย สามารถดูแลตัวเองในเบื้องต้น ตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อช่วยทำให้ผื่นหายเร็วยิ่งขึ้นได้
1. หลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำให้ระคายเคืองต่อผิวหนัง และโรคมีอาการกำเริบ เช่น หลีกเลี่ยงการถูกน้ำ มีเหงื่อออก และสัมผัสสบู่ยาหรือสบู่หอม ควรใช้สบู่อ่อน ๆ เช่น สบู่เด็ก สบู่เหลว ไปก่อนระหว่างที่ยังมีอาการ
2. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น หรือน้ำร้อนจัด เพราะสามารถกระตุ้นให้ผื่นเห่อขึ้นได้
3. พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงความเครียด
4. ตากแดดทุกวันในช่วงเวลา 10 -14.00 น. วันละ 3-5 นาที เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว แสงแดดจะมีรังสี UVB ในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยในการรักษาโรคผื่นกุหลาบอย่างได้ผลดี
5. ผื่นกุหลาบ ไม่ใช่โรคติดต่อ ไม่ว่าจะทั้งจากการสัมผัส กิน ดื่ม หรือหายใจร่วมกัน ผู้ป่วยจึงไม่จำเป็นต้องแยกตัวออกจากผู้อื่น และไม่จำเป็นต้องให้หยุดเรียน หรือไปทำงาน แม้ว่าผู้ป่วยจะมีผื่นขึ้นกระจายตามตัวมาก
6. ในรายที่เป็นไม่มาก เช่น มีอาการคันเพียงเล็กน้อย อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษา และรอให้ผื่นหายเองภายใน 2-6 สัปดาห์ได้
Share -

นัดหมายแพทย์



หรือนัดหมายแพทย์ล่วงหน้า ได้ที่ ศูนย์ตรวจสุขภาพ โรงพยาบาลเออีซี

              

เนื้อหาที่คุณอาจสนใจ

โรงพยาบาลเออีซี

เลขที่ 5/107 หมู่ 1 ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ห้วยกะปิ เมือง ชลบุรี 20000

061-350-6197

           

แผนที่และการเดินทาง

โรงพยาบาลเออีซี

เลขที่ 5/107 หมู่ 1 ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ห้วยกะปิ เมือง ชลบุรี 20000

   061-350-6197

              

ฝากข้อความติดต่อกลับ

กดติดตามรับข่าวสาร

Copyrights © 2025 All Rights Reserved. www.aechospital.com Version 1.0. Designed by WEB-BEE-DEV. +74,777 Times.